ชามตราไก่ เป็นสิ่งของที่หลายๆคนคุ้นชื่อ คุ้นเคย รวมทั้งเคยใช้กันมาแล้วในอดีต ปัจจุบันด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปการใช้ชามตราไก่ ก็ค่อย ๆ หายไป เพราะจานชามสมัยหลังมานั้น หาง่ายขึ้น และมีราคาที่ถูกลงแต่ความน่าสนใจในแบบฉบับคนสนใจที่มาที่ไปแบบผม ต้องย้อนกลับไปดูสักทีว่า แหล่งผลิตชามตราไก่แบบนี้ ยังหลงเหลือที่ไหนกันบ้าง ก่อนช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไม่นาน ผมได้มีโอกาสไปเยือนสถานที่ที่เป็นต้นธารของชามตราไก่ นั่นก็คือ พิพิธภัณฑ์เซรามิคธนบดี แหล่งกำเนิดและแหล่งเรียนรู้ชั้นดีของผู้สนใจงานเซรามิค ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 32 ถนนวัดจองคำ ตำบลพระบาท อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง สำหรับชามตราไก่นั้น ย้อนกลับไปในปี 2498 นายอาปาอี้ หรือ ซิมหยู แซ่ฉิน ชาวจีนในจังหวัดลำปาง ได้ค้นพบแร่ดินขาวที่มีความเหมาะสมในการใช้ทำเครื่องปั้นดินเผา โดยเฉพาะงานเซรามิค ในการค้นพบนั้น ได้เจอที่บ้านปางค่า อำเภอแจ้ห่ม จากนั้น นายอี้จึงได้ร่วมกันกับผู้สนใจ ก่อตั้งโรงงานเซรามิคแห่งแรกของจังหวัดลำปาง โดยเขามีไอเดียที่จะผลิตชามขึ้น โดยมีเอกลักษณะเฉพาะตัวเป็น ตราไก่ นั้นทำไมต้องเป็นตราไก่ ? อาจจะเป็นคำถามที่หลายคนสงสัย หรือ จะเป็นธรรมเนียมของคนจีน เพราะเจ้าของเป็นคนจีน ในความเป็นจริงนั้น มีการสันนิษฐานความน่าจะเป็นมากที่สุด การใช้ตราไก่ประทับไปบนชามนั้น เนื่องจากตำนานหรือพงศาวดารพื้นถิ่นลำปางนั้น มีการระบุว่า ในอดีตเมืองนี้มีนามแต่ดั่งเดิมว่า กุกกุฏนคร ซึ่งแปลว่า เมืองแห่งไก่ นั้นเองสำหรับ พิพิธภัณฑ์เซรามิคธนบดี นี้ ทันทีที่เข้ามาถึงนั้น ยอมรับว่า สวยกว่าที่ขึ้นมาก จากที่วาดภาพในหัวคือ โรงงาน ที่ผลิตชามและเซรามิคต่าง ๆ อย่างเดียว แต่ยังมีสินค้าที่ขายลดราคา ให้สำหรับคนที่ชอบเครื่องเซรามิค ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่า สินค้ามีตำหนิ แต่การดูด้วยตาเปล่า ไม่มีสักรอยเดียว งานดีมาก ลดเหลือ ไม่ถึงร้อยบาทก็มี ขณะที่มันเป็นสินค้าที่แจ้งว่ามีตำหนิที่จะถูกส่งไปห้างดังอย่างคลองสาน ในราคาแพงกว่าที่มาวางขาย ที่ผมกำลังดู แบบราคาแพงระยับ!เมื่อดูสิ่งของลดราคาแล้ว ผมก็รีบเข้าไปดูภายในของสถานที่ เริ่มต้นที่ลำดับการใช้ชีวิตของท่านเจ้าของโรงงานคนแรก ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์บุคคลสำคัญระดับท้องถิ่นที่น่าสนใจไม่น้อย เมื่ออกจากโซนเล่าประวัติ ก็จะเป็นการแสดงการทำชิ้นงานต่าง ๆ ที่ปัจจุบัน นอกเหนือจากการทำชามตราไก่ที่โด่งดัง ยังมีการผลิตของชำร่วยแบบเซรามิคหลากรูปแบบ ซึ่งยอมรับว่า น่าสนใจมากทีเดียว คนทำต้องมีสมาธิมาก ๆเมื่อชมการลงสีจนอิ่มหนำแล้ว ผมพาตัวเอง ไปยืนอยู่หน้าเตาเผาเซรามิคที่เก่าแก่ของโรงงาน มันถูกเรียกว่า เตาเผามังกรโบราณ ด้วยลักษณะที่ทอดยาว มีปล่องควันอยู่ส่วนท้าย ทำให้มันดูคล้ายมังกรตามความเชื่อของคนจีน สภาพในปัจจุบันนั้น มีความชำรุดพอสมควร แต่ทางพิพิธภัณฑ์แจ้งว่า ไม้ต้องห่วงว่าคนรุ่นหลังจะไม่ได้ชม เพราะได้เข้าสู่กระบวนการบูรณะแล้ว เชื่อจนถึงวันที่ผมเผยแพร่บทความนี้ มันน่าจะถูกซ่อมแซมเรียบร้อยแล้วความน่าเกรงขามของเจ้าเตาเผานี้ ไม่ใช่แค่ความยาว ความเก่าแก่ของมัน แต่มันมีกลิ่นอายที่ขามเวลามาถึงผม หากคุณผู้อ่านได้ไปยืนตรงนั้น ภาพคนงานที่ขะมักเขม้น จะต้องลอยเข้ามาในหัวอย่างแน่นอนเมื่อจบการชมเตาโบราณ ผมเข้ามาชมในส่วนจัดแสดงสินค้าสำหรับจำหน่าย ถือว่าสินค้าเซรามิค ที่ผลิตออกมาของพิพิธภัณฑ์นั้น เป็นสินค้าเกรดดี ราคาน่าคบหาแทบจะทุกชิ้น เหมาะสำหรับคนรักงานปั้น งานเซรามิคบอกได้เลยว่า เมื่อหน้าหนาวมาถึงอีกครั้ง ควรหาโอกาสมาเยือนจังหวัดลำปาง และแวะมาเที่ยวพิพิธภัณฑ์เซรามิคธนบดี จะได้ความรู้ความน่าสนใจไม่มากก็น้อยครับ เรื่องและภาพ โดย วรกร เข็มทองวงศ์