“สวัสดีนักเขียนที่น่ารัก” นี่เป็นคำทักทายที่นักเขียนมือใหม่ได้รับเสมอ บางคนได้รับบ่อย จนเกือบจะเป็นคำทักทายในชีวิตประจำวันไปแล้ว เมื่อประโยคดังกล่าวปรากฏขึ้นในหน้างานเมื่อไหร่ แปลว่าต้องมีอะไรให้เราได้ “ลงมือทำ” อีกแล้วแน่นอนผมก็เป็นคนหนึ่งที่ได้รับประโยคดังกล่าวมาบ่อยเช่นกัน ได้รับครั้งแรก รู้สึกดีมาก เพราะแสดงว่างานได้ถึงมือทีมบรรณาธิการแล้ว พอทักทายกันบ่อย ๆ เข้า ก็มีใจแป้วไปเหมือนกัน แต่ตอนนี้ กลับเกิดความรู้สึกใหม่คือคิดว่า ต้องมีอะไรให้ปรับตัวเรียนรู้อีกแน่ ๆ และก็เป็นความจริงตามนั้นจะว่าเป็นเรื่อง “เส้นผมบังภูเขา” หรือ “งมเข็มในมหาสมุทร” ก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าใครมีประสบการณ์หรือได้ลงมือเรียนรู้และทำมากกว่ากัน โดยเฉพาะงานด้านการเขียนออนไลน์ ที่ต้องอ้างถึงภาพจากเว็บไซต์ต่าง ๆ เมื่อนำมาใช้ประกอบกับบทความที่ตนเองเขียน เพื่อป้องกันการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาและอื่น ๆ ในเชิงพาณิชย์เวลาเขียนงานผมใช้โปรแกรมพื้นฐานทั่วไป เขียนตรวจเสร็จแล้วก็ส่ง การตรวจแก้ครั้งแรก ทีมบรรณาธิการแจ้งมาว่าให้อ้างอิงที่มาของภาพด้วยระบบ Hyperlink ผมก็ลองทำแล้วกส่งไป ทีมบรรณาธิการก็แจ้งกลับมาว่าทำไม่ถูกและแจ้งมาครั้งล่าสุดว่า “สวัสดีนักเขียนที่น่ารัก เครดิตภาพประกอบบทความให้นักเขียนทำ Hyperlink เพื่อจะได้ตรวจสอบจากเว็บไซต์ต้นทางได้นะคะ...เพื่อทำให้ลิงค์นั้นสั้นลงน้า” ด้วยความที่ในชีวิตนี้ไม่เคยทำเลย Hyperlink แม้แต่ครั้งเดียว เมื่อต้องทำจริงๆ เลยทำไม่ถูก จึงแก้ขัดด้วยการทำการอ้างอิงแบบบรรณานุกรมไปให้ และก็เขียนปิดท้ายว่า ผมทำไม่เป็น ยินดีให้ทีมบรรณาธิการไม่อนุมัติครับจากนั้นเพียงข้ามวัน ก็มีประโยคคุ้นเคยมาทักทายอีก “สวัสดีนักเขียนที่น่ารัก...” ผมนี่น้ำตาแทบไหล เอาอีกแล้วประโยคนี้มาอีกแล้ว จะยังไงอีกละนี่ ปรากฏว่า ครั้งนี้ ทีมบรรณาธิการได้บอกวิธีการทำ Hyperlink มาด้วย ผมก็ลองทำตามนั้น ในที่สุดบทความก็ได้รับอนุมัติและโพสต์ลงในเวบไซต์จนได้ที่เขียนมายืดยาวนี่ เพราะผมอยากให้เห็นบรรยากาศการทำงานร่วมกันระหว่างนักเขียนและทีมกองบรรณาธิการว่า หากพยายามมองบวกและอดทน ก็จะก้าวข้ามไปด้วยกันได้ คือ นักเขียนได้ฝึกทักษะหลาย ๆ ด้าน ทีมบรรณาธิการ ก็ได้ทำตามเจตนารมณ์คือ พัฒนานักเขียนให้มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้นทีนี้ด้วยประสบการณ์ดังกล่าวที่พบเจอและผ่านมาได้ ก็อย่างแบ่งปันเรื่องนี้ไว้ เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อนักเขียนคนอื่น ๆ ที่อาจจะยังไม่เคยใช้ Hyperlink อย่างผมเอาละครับ มาลองตามดูประสบการณ์จริงที่ผมจะพาไปดูทุกขั้นตอนว่าต้องทำยังไงบ้างกันเลยครับขั้นตอนที่ 1 ให้เข้าเว็บไซต์ประเภทแจงภาพฟรีสำหรับการเอาไปใช้งาน ซึ่งก็มีมากมายหลายเว็บไซต์ ผมขอยกตัวอย่างเว็บไซต์ pixabay.com ก็แล้วกันนะครับขั้นตอนที่ 2 พิมพ์ชื่อประเภทหรือชนิดของเนื้อหาในภาพที่เราอย่างได้ เช่น อาหาร ป่า เมือง พาหนะ ใช้ได้ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ ผมพิมพ์คำว่า “แข่งจักรยาน” ก็จะมีภาพที่เกี่ยวกับจักรยานและพาหนะสองล้อมาให้เลือกมากมายขั้นตอนที่ 3 เมื่อเจอภาพที่เราอยากได้ เช่น ภาพที่ผมเลือกคือ คนปั่นจักรยาน ก็คลิก 1 ครั้ง ภาพขนาดใหญ่ให้เราได้เห็นเต็ม ๆ ก็จะปรากฏขึ้นมา ทีนี้ก็กดคำว่า “ดาวโหลดฟรี” ได้เลยขั้นตอนที่ 4 ระบบโชว์ภาพขนาดของภาพให้เราเลือกอยู่ 4 ชนิด คือ ตั้งแต่ภาพที่มีความละเอียด 52-208-441 KB จนถึง 23 MB ส่วนใหญ่ผมจะใช้ขนาด 441 KB จากนั้นก็คลิกที่คำว่า “ดาวน์โหลด” ได้เลยขั้นตอนที่ 5 นี่คือจุดเริ่มต้นของการทำ Hyperlink จริง ๆ อันดับแรก ให้เปิดไปที่หน้างานที่กำลังเขียนบทความออนไลน์ค้างอยู่ พิมพ์คำว่า “ภาพประกอบจาก pixabay.com” จากนั้น คลิกที่สัญลักษณ์รูปภาพแล้วเลือกภาพคนปั่นจักรยานที่เซฟมาเมื่อกี้ลงในบรรทัดเหนือคำว่า “ภาพประกอบจาก pixabay.com” เขียนคำอธิบายพอสังเขป แล้วกดคำว่า “บันทึก” ภาพก็จะเด้งขึ้นมาให้เราเห็นขั้นตอนที่ 6 เปิดไปหน้าเว็บไซต์ pixabay.com ที่เป็นภาพคนปั่นจักรยานเมื่อกี้ จากนั้นก๊อปปี้ข้อความที่ช่อง URLขั้นตอนที่ 7 เปิดหน้าที่เขียนบทความออนไลน์อีกครั้ง คลุมตัวหนังสือคำว่า “pixabay.com” จากนั้น ให้กดที่สัญลักษณ์ Hyperlink (คล้าย ๆ โซ่) ที่แถบบาร์ด้านบน จะมีกล่องเด้งขึ้นมาให้เราใส่URL ก็กดวาง URL ของภาพที่เราไปก๊อปปี้ลงไปได้เลย จากนั้นกดคำว่า “บันทึก” เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้วครับขั้นตอนที่ 8 ที่นี้เราจะรู้ได้ไงว่า ภาพที่เราทำ Hyperlink ไว้ จะใช้งานได้จริงหรือเปล่า ให้สังเกตดูว่า หากคำที่อยู่ใต้ภาพที่เราคลุมเพื่อเชื่อม Hyperlink เป็น “สีน้ำเงิน” และตัวสัญลักษณ์ Hyperlink มีสีเข้ม นั่นถือว่า เราประสบความสำเร็จแล้วครับเห็นไหมครับ ก็ไม่ได้ยากอะไร เพียงแต่ลงมือทำและทำบ่อย ๆ ก็จะชำนาญไปเอง เปิดใจเรียนรู้มากขึ้นครับ เพราะมีอะไรที่เราต้องพัฒนาอีกเยอะเลย ดังนั้น หากมีคำทักทายมาว่า “สวัสดีนักเขียนที่น่ารัก...” แปลว่า สิ่งดี ๆ กำลังจะเกิดขึ้นนั่นเองภาพประกอบโดย แสน ธรรมาวตารภาพปกจาก pixabay.com