หากเรายังเป็นมือใหม่ที่คิดจะเทรดหุ้น ซื้อขายหุ้นแบบเก็งกำไร แต่เริ่มต้นศึกษาก็อยากจะหาหนังสือเล่มที่อ่านเข้าใจง่าย จะได้รู้ตัวว่าเราเหมาะกับการลงทุนสายเก็งกำไรหรือเปล่า เล่มนี้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่ง เพราะพูดถึง Indicators อีก 3 ตัวเพิ่มมาจากเล่มที่แล้ว คือ Volume, Ichimoku Cloud และ Fibonacci ความชื่นชอบและประทับใจของครีเอเตอร์ 1.Volume Analysis คือ Indicator ที่ใช้บอกปริมาณการซื้อ-ขาย แสดงถึงความสนใจของนักลงทุนว่าตอนนี้ส่วนใหญ่สนใจซื้อหรือขายหุ้นตัวนั้นมสกหรือน้อยแค่ไหน มันจึงเป็นตัวคัดกรองเบื้องต้นได้ว่าหุ้นที่มีราคาขึ้น มีแนวโน้มจะขึ้นจริงจากปริมาณจริงของการซื้อ-ขายหรือไม่ (ช่วงที่แท่งเทียนขึ้น ควรมาพร้อมกับ Volume) 2.ช่วงที่หุ้นเป็นเทรนด์ขาขึ้น Volume ก็ควรจะต้องขึ้นด้วย ในช่วงพักตัวของราคา Volume ก็ควรจะต้องน้อยหรือแห้ง แต่ถ้าผิดสังเกตไปจากนี้ มันแสดงถึงความผิดปกติระหว่างแท่งเทียนกับ Volume 3.Volume จะสูง/ต่ำ หนาแน่นหรือเบาบาง ให้เทียบดูจากตัวมันเองในอดีตจะง่ายที่สุด Volume ที่สูงขึ้นเกิดจากแรงซื้อหรือขายก็ได้ ทั้งนี้ควรเก็งกำไรเฉพาะช่วงที่เป็นขาขึ้น 4.ประโยชน์ของ Volume เมื่อนำมาวิเคราะห์กับแท่งราคาจะสามารถตีความได้หลากหลาย เช่น ดูสภาวะของตลาด ใช้เทียบกับราคาเพื่อดูพฤติกรรมราคา ใช้ Volume เทียบกับแนวรับ-แนวต้าน เพื่อดูแนวโน้มการเปลี่ยนแปลง รวมถึงใช้ Volume ดูสัญญาณซื้อขาย 5.จำง่ายๆ ว่าถ้า Volume เพิ่มขึ้น จะสะท้อนความ แข็งแรงของราคา ไม่ว่าจะเป็นทิศทางขึ้นหรือทิศทางลงก็ตาม 6.การดูว่า Volume สูงหรือต่ำในหนังสือเล่มนี้ คือ การเทียบ Volume สูงหรือต่ำจาก Volume ของหุ้นตัวนั้นในอดีต 7.การเข้าเทรดใน TF ที่เล็กเกินไป อาจถูกสัญญาณหลอกได้ง่าย 8.การใช้ Volume ยังถูกแตกย่อยออกไปเป็นอีกหลายประเภท เช่น OBV, Volume Profile ซึ่งมีประโยชน์ในการใช้เทรดที่ต่างกัน 9.Volume ส่วนใหญ่มักจะเคลื่อนที่ไปอย่างสอดคล้องตามราคาแนวโน้ม แต่หากเจอการขัดแย้ง คือ Volume ไม่สอดคล้องกับราคา มีนัยว่าแนวโน้มราคากำลังจะเปลี่ยน 10.การเทรดหุ้นเล็กที่ราคาไม่แพง จำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูงในการเทรดเพราะราคาของหุ้นไม่แพงจึงทำให้เกิดการซื้อ - ขายที่กระชากผิดปกติได้หรืออาจส่งผลให้เกิดไส้เทียนแหลมๆ หรือแม้แต่การขาดสภาพคล่องในหุ้น เทรดเดอร์จึงควรพิจารณากราฟโดยรวม เพื่อประเมินความเสี่ยงเบื้องต้นว่า หุ้นตัวนี้มีนิสัยเสี่ยงหรือเทรดยากเกินไปหรือเปล่า 11.Ichimoku Cloud เป็น Indicators ที่ใช้บอกเทรนด์ แนวรับ-แนวต้าน สัญญาณซื้อ-ขาย ซึ่งการหาจังหวะการซื้อขายใน Ichimoku Cloud นั้น ควรเน้นการถือลงทุนระยะกลางถึงยาว ซื้อหุ้นถือตามเทรนด์ขาขึ้น ไม่เอาที่เทรดระยะสั้น เพราะทำแบบนั้นแล้วสัญญาณหลอกเยอะ นอกจากนี้มันยังสามารถระบุจุดกลับตัวของแนวโน้มและดูต้นทุนเฉลี่ยของคนส่วนใหญ่ได้ด้วย 12.สรุป Ichimoku Cloud เอามาใช้ดูได้ครอบจักรวาล แต่การนำมาใช้นั้นหมายความว่า...เราควรต้องจำหน้าที่ของแต่ละเส้นหรือวิธีการใช้ให้ได้ อยากดูอะไร อยากวิเคราะห์เรื่องไหน จึงใส่เส้นเหล่านั้นเข้ามาเหมือนกับตัวอย่างในแต่ละหัวข้อที่ยกให้ดู เพื่อป้องกันการสับสนที่จะตามมาได้ (เพราะเส้นมันเยอะในเบื้องต้นจึงแนะนำให้ใช้งานแค่บางเส้นที่ต้องการไปก่อน เมื่อเก่งแล้วอยากจะใส่ทั้งหมดก็ตามสะดวกเลย) 13.ด้วยการคํานวณของ Indicators ที่คล้ายกับ เส้นค่าเฉลี่ย จึงไม่เหมาะกับสินค้าที่เป็น Sidewayหรือกรอบแคบจึงอยากแนะนำให้เทรดในหุ้นใหญ่อย่างใน SET50, SET100 และในช่วงที่ตลาดมีแนวโน้มชัดๆ เท่านั้น การที่ราคาเบรกขึ้นผ่านเมฆหนาๆ ลองสังเกตดูจะเห็นว่า เมื่อราคาเบรกขึ้นครั้งแรก ราคามักจะลงมาเทสต์ที่ก้อนเมฆอีกครั้ง ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นแนวโน้มขึ้นสวยๆ ซึ่งก็จะคล้ายกับการที่ราคา ลงมาเทสต์แนวรับ - แนวต้าน ก่อนที่ราคาจะไปจริงๆ 14.Fibonacci Retracement เป็น Indicators ใช้บอกราคา บอกแนวรับ-แนวต้าน และใช้เพื่อดูการแกว่งตัวและไปต่อของราคา ในโลกการเก็งกำไรไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับครีเอเตอร์แล้ว การใช้เครื่องมือต่างๆในการช่วยตัดสินใจยังไม่สามารถมั่นใจได้ 100% แล้วยิ่งคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนจะรู้สึกว่าเรามโนไปเองหรือเปล่าที่มองกราฟแบบนั้น แต่ถึงจะมองกราฟเป็นจริงๆ มันก็อาจจะไม่ใช่อย่างที่เราเลือกก็ได้ เครดิตภาพ ภาพปก โดย Eugene Golovesov จาก pexels.com ภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียน ภาพที่ 3 และ 4 โดย AI บทความอื่นๆที่น่าสนใจ รีวิวหนังสือ รู้เทคนิคพลิกกำไร รีวิวหนังสือ GROWTH LECTURE ขุดหุ้นเติบโตได้ในเล่มเดียว รีวิวหนังสือ MONEY LECTURE เรียนหนึ่งครั้งใช้ได้ทั้งชีวิต เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !