รีเซต

อย่าตกใจยอดคลัสเตอร์ตม.พุ่ง 'อนุทิน' ย้ำ ยังไม่ใช่ระลอก 3

อย่าตกใจยอดคลัสเตอร์ตม.พุ่ง 'อนุทิน' ย้ำ ยังไม่ใช่ระลอก 3
มติชน
23 มีนาคม 2564 ( 09:11 )
121
อย่าตกใจยอดคลัสเตอร์ตม.พุ่ง 'อนุทิน' ย้ำ ยังไม่ใช่ระลอก 3

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 23 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการประสานงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในการตั้งโรงพยาบาลสนาม ที่สโมสรตำรวจถนนวิภาวดี ว่า พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) ได้โทรศัพท์พูดคุยกับตนหลายวันแล้ว และได้มีการเตรียมความพร้อมการสร้างโรงพยาบาลสนามเพื่อรองรับผู้ที่ติดเชื้อที่ลักลอบเข้าเมืองมา ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุม และเป็นสิ่งที่ได้เตรียมการบริหารจัดการเป็นอย่างดี โรงพยาบาลสนามสามารถเกิดขึ้นมาได้ด้วยในระยะเวลาอันสั้น เชื่อว่าทางสตช. ที่มีโรงพยาบาลตำรวจ และมีแพทย์ตำรวจ ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขหากมีการร้องขอสิ่งใดมาเราก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุน เบื้องต้นให้การแนะนำไปในเรื่องของแนวทางต่างๆ ว่าควรจะปฏิบัติต่อผู้ที่เรานำเขามารักษาในโรงพยาบาลสนามนั้นอย่างไร

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่เมื่อประชาชนทั่วไปเห็นตัวเลขรายวันที่เพิ่มขึ้นแล้วก็รู้สึกตกใจ นายอนุทิน กล่าวว่า ส่วนใหญ่คนเหล่านี้ไม่แสดงอาการ ดังนั้นเมื่อเจอตัวเขาก็ต้องนำมารับการรักษาในโรงพยาบาลสนาม ถือเป็นการควบคุมโรคที่ปลอดภัยที่สุด บุคคลเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นคนในวัยทำงาน อายุไม่มาก เมื่อไม่แสดงอาการเราก็ต้องใช้เวลาเป็นตัวรักษา เพราะถ้าไม่แสดงอาการเลยก็ไม่ต้องให้ยาฟาวิพิราเวีย แล้ว 10 วันเขาก็จะหายเอง โควิด-19 ก็เป็นอย่างนี้ มีส่วนที่แรง ส่วนที่เมื่อครบ 10 วันแล้วก็จากไปดื้อๆ

 

“ตอนนี้อย่าไปดูยอดตัวเลข แต่ดูว่าการกระจายอยู่นอกเหนือการควบคุมหรือเปล่า ซึ่งตอนนี้ไม่มีการกระจายอยู่เป็นคลัสเตอร์ เป็นที่ๆ ไป สะเก็ดไฟไปตรงไหนกรมควบคุมโรคก็สามารถตะครุบได้ ตอนนี้ยังไม่มีหลุด นี่คือโรคระบาดระดับโลก ก็ต้องมีแบบนี้ ยืนยันว่าอันนี้ไม่ใช่ระลอกสาม” นายอนุทิน กล่าว

 

เมื่อถามว่า มีการทำความเข้าใจกับประชาชนที่อยู่โดยรอบสโมสรตำรวจอย่างไรหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โรงพยาบาลสนามอยู่ภายในสโมสรตำรวจมีรั้วรอบขอบชิด และรอบข้างก็ไม่ได้มีชุมชนแต่อย่างใด ดังนั้นไม่ต้องกังวล และที่สำคัญบุคคลที่มารับการรักษานั้นไม่แสดงอาการ เพราะถ้ามีอาการเมื่อไหร่ ต่อให้เป็นคนต่างชาติเราก็ต้องส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลหลัก เพื่อให้ได้รับการรักษาตามขั้นตอนทางการแพทย์ ตามความซับซ้อนของโรค

 

ดังนั้นขอให้สบายใจในเรื่องนี้ได้ กรมควบคุมโรคอยู่กับสิ่งเหล่านี้มานานปีครึ่งแล้ว และคิดถึงความปลอดภัยของประชาชนภายในประเทศเป็นหลัก และหากผ่านไป 2-3 สัปดาห์ก็ยิ่งไม่ต้องกังวนใจ เพราะอุปกรณ์ด่านหน้าทางการแพทย์ได้รับวัคซีนอย่างเต็มที่สามารถเข้าไปให้การดูแลใกล้ชิดในพื้นที่เสี่ยงได้มากเพิ่มยิ่งขึ้น เป็นขั้นตอนเป็นวิธีการที่เมื่อไม่มีวัคซีนก็อีกอย่างหนึ่ง แต่เมื่อมีวัคซีนแล้วก็อีกอย่างหนึ่ง รวมถึงความพร้อมในเรื่องยา เรื่องการตั้งโรงพยาบาลสนาม เพื่อเก็บโรงพยาบาลหลักเอาไว้ ใช้เมื่อจำเป็น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง