'แคลิฟอร์เนีย' เล็งหวนบังคับสวมแมสก์ในร่ม หลังพบป่วยโควิด-19 พุ่ง
ลอสแอนเจลิส, 11 ก.ค. (ซินหัว) -- เหล่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ กำลังพิจารณากลับมาบังคับสวมหน้ากากอนามัยในอาคาร ขณะจำนวนผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เพิ่มสูงต่อเนื่องจากเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์โอไมครอน สายพันธุ์ย่อยบีเอ.4 (BA.4) และสายพันธุ์ย่อยบีเอ.5 (BA.5) ที่แพร่ระบาดได้สูง
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ กล่าวว่าปัจจุบันเทศมณฑล 38 แห่งจากทั้งหมด 58 แห่งของแคลิฟอร์เนีย จัดเป็นชุมชนเสี่ยงสูงต่อโรคโควิด-19เมื่อวันศุกร์ (8 ก.ค.) เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเทศมณฑลลอสแอนเจลิส กล่าวว่าลอสแอนเจลิสอาจถูกจัดเป็นชุมชนเสี่ยงสูงต่อโรคโควิด-19 ช่วงปลายสัปดาห์ถัดไป และจะมีการบังคับสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะหากอยู่ในระดับเสี่ยงสูงนาน 14 วันบาร์บารา เฟอร์เรอร์ ผู้อำนวยการสาธารณสุขของเทศมณฑลลอสแอนเจลิส กล่าวว่าจะมีการบังคับสวมหน้ากากอนามัยในอาคารทั่วทั้งเทศมณฑลฯ โดยขณะนี้ทุกคนกำลังเผชิญความเสี่ยงป่วยโรคโควิด-19 มากขึ้น เนื่องจากมีผู้คนจำนวนมากขึ้นที่ติดเชื้อไวรัสฯ และสามารถแพร่เชื้อแก่ผู้อื่นได้เมื่อมีการรวมตัว ชอปปิง หรือร่วมกิจกรรมต่างๆสำนักสาธารณสุขเทศมณฑลลอสแอนเจลิสกล่าวว่า จำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล อยู่ที่ 1,021 ราย เมื่อวันศุกร์ (8 ก.ค.) ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ. ส่วนจำนวนผู้ป่วยเสียชีวิตรายวันอยู่ที่ 18 ราย สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค. โดยอัตราการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลของลอสแอนเจลิสเพิ่มขึ้นร้อยละ 62 ตั้งแต่เดือนที่แล้ว