เคยสงสัยไหมครับ เวลาเราจ้างผู้รับเหมาสร้างบ้านหรือโครงการต่างๆ ที่ใช้เวลาก่อสร้างนานๆ แล้วเกิดปัญหา "ของขึ้นราคา" ระหว่างก่อสร้าง ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ? วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ "ค่า K" ฮีโร่ที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้กันครับ ค่า K คืออะไร? อธิบายแบบง่าย ๆ เลย ค่า K (หรือ Escalation Factor) คือ "ตัวปรับราคา" หรือ "เงินชดเชย" จากราคาวัสดุก่อสร้างที่เปลี่ยนแปลงไปจากวันที่ตกลงราคากันในสัญญาครับ ลองนึกภาพตามนะครับ... วันที่เราเซ็นสัญญาจ้างผู้รับเหมา เหล็กเส้นอาจจะราคาตันละ 20,000 บาท แต่พอสร้างไปได้ครึ่งทาง ราคาเหล็กพุ่งไปตันละ 25,000 บาท ส่วนต่าง 5,000 บาทนี้ ถ้าไม่มีค่า K ผู้รับเหมาก็ต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเองทั้งหมด ซึ่งอาจทำให้งานสะดุดหรือคุณภาพงานลดลงได้ ค่า K จึงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ สร้างความเป็นธรรม ให้กับทั้ง ผู้ว่าจ้าง และ ผู้รับจ้าง โดยเฉพาะในโครงการของภาครัฐที่ใช้เวลาก่อสร้างนานและมูลค่าสูง หลักการทำงานของค่า K (แบบง่ายที่สุด) ค่า K จะถูกคำนวณจากสูตรที่อ้างอิงกับ "ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง" ที่ประกาศโดยกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งจะติดตามราคาวัสดุหลักๆ เช่น เหล็ก, ปูนซีเมนต์, น้ำมันเชื้อเพลิง และค่าแรงงาน ถ้าค่า K เป็นบวก ➕: แปลว่าราคาของโดยรวมแพงขึ้น ผู้ว่าจ้างจะต้องจ่ายเงิน "เพิ่ม" ให้ผู้รับเหมาตามสัดส่วนที่คำนวณได้ เพื่อให้ผู้รับเหมาสามารถซื้อของมาทำงานต่อได้โดยไม่เข้าเนื้อ ถ้าค่า K เป็นลบ ➖: แปลว่าราคาของโดยรวมถูกลง ผู้ว่าจ้างก็จะจ่ายเงิน "น้อยลง" จากในสัญญา ถือเป็นการรักษาผลประโยชน์ของผู้ว่าจ้างเช่นกัน สำคัญ: การจะใช้ค่า K ได้นั้น ต้องระบุไว้ในสัญญาจ้างตั้งแต่แรกว่าเป็น "สัญญาแบบปรับราคาได้" นะครับ ตัวอย่างให้เห็นภาพชัดๆ ตัวอย่างที่ 1: ถนนคอนกรีตของหมู่บ้าน เทศบาล A ตกลงจ้างบริษัท B สร้างถนนคอนกรีตเข้าหมู่บ้าน มูลค่า 10 ล้านบาท กำหนดเสร็จใน 1 ปี ในสัญญาระบุให้ใช้ค่า K ได้ ผ่านไป 6 เดือน: ราคาน้ำมันดีเซล (ที่ใช้กับเครื่องจักร) และราคาปูนซีเมนต์แพงขึ้นมาก เมื่อส่งงานงวดนั้น: มีการคำนวณค่า K พบว่าต้องชดเชยเงินให้ผู้รับเหมาเพิ่ม 200,000 บาท เพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ทำให้ผู้รับเหมาทำงานต่อได้โดยไม่เดือดร้อน และโครงการเสร็จตามแผน ตัวอย่างที่ 2: สร้างโรงเรียนของรัฐ 🏫 หน่วยราชการ กรม A จ้างผู้รับเหมา C สร้างอาคารเรียน 3 ชั้น มูลค่า 50 ล้านบาท กำหนดเสร็จใน 2 ปี (มีสัญญาค่า K) ช่วงเริ่มโครงการ: ราคาเหล็กทรงตัว เข้าสู่ปีที่ 2: ราคาเหล็กในตลาดโลกลดลงอย่างมาก ทำให้ราคาเหล็กในประเทศถูกลงตาม เมื่อส่งงานงวดท้ายๆ: คำนวณค่า K แล้วพบว่ามูลค่างานงวดนั้นลดลง 150,000 บาท ผู้รับเหมาก็จะได้รับเงินน้อยลงไปตามส่วน ซึ่งเป็นธรรมกับเงินภาษีของประชาชน สรุปง่ายๆ ค่า K ก็เหมือนกับเกราะป้องกันความเสี่ยงจากราคาวัสดุที่ผันผวน ช่วยให้โครงการก่อสร้างเดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่น เป็นธรรมทั้งสองฝ่าย และงานเสร็จตามมาตรฐานที่วางไว้ครับ Credit ภาพ : ผู้เขียนบทความจัดทำภาพประกอบเอง เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !