9 แนวทางปล่อยโคมลอย ตามเทศกาลในฤดูหนาว ให้ปลอดภัย & ลดมลพิษ อ่านต่อเลย! เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล ในหลายพื้นที่ของไทยการปล่อยโคมลอย ถือเป็นภาพที่สร้างความรู้สึกอบอุ่นและผูกพันทางวัฒนธรรม เพราะเมื่อโคมลอยค่อยๆ ลอยสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า ไม่เพียงเป็นสัญลักษณ์ของการปล่อยวางหรือส่งคำอธิษฐาน แต่ยังเป็นจังหวะที่ผู้คนได้มารวมตัว แบ่งปันรอยยิ้ม และสร้างบรรยากาศแห่งความหวังร่วมกัน อย่างไรก็ตามความงดงามนี้ก็มาพร้อมความรับผิดชอบที่เราต้องตระหนักค่ะ เพราะหากปล่อยโคมอย่างไม่ระมัดระวัง ก็อาจนำไปสู่อุบัติเหตุ การเกิดเพลิงไหม้ หรือสร้างขยะตกค้างที่เป็นภาระต่อสิ่งแวดล้อมได้โดยง่าย การทำความเข้าใจแนวทางที่เหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ช่วยทำให้ประเพณีนี้ดำรงอยู่ได้อย่างสอดคล้องกับความปลอดภัยของบ้านเรือนและชุมชนนะคะ ดังนั้นในบทความนี้จึงอยากชวนทุกคนมาทำความเข้าใจ และมองภาพรวมของการปล่อยโคมลอยอย่างรอบด้าน ที่เป็นหลักการที่นำไปใช้ได้จริงในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกโคมที่ปลอดภัย การดูทิศทางลม การเลือกพื้นที่ที่เหมาะสม หรือการคำนึงถึงผลกระทบหลังโคมลอยขึ้นไปบนฟ้า โดยแนวทางทั้งหมดที่จะถูกนำเสนอในบทความนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทันที และเพื่อให้คุณผู้อ่านรู้ว่าการสืบสานประเพณีไม่จำเป็นต้องแลกมากับความเสี่ยงหรือมลพิษเสมอไป และทำให้การปล่อยโคมเป็นประสบการณ์ที่งดงาม ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อโลกได้ กับแนวทางดังต่อไปนี้ค่ะ 1. หลีกเลี่ยงโคมที่มีส่วนประกอบของโลหะ การเลือกโคมลอยที่ปราศจากส่วนประกอบของโลหะ เป็นหนึ่งในขั้นตอนพื้นฐานที่ช่วยให้การปล่อยโคมปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นค่ะ เพราะโครงลวดหรือโลหะที่ใช้ประคองฐานไฟ แม้จะดูเล็กน้อย แต่เมื่อตกลงสู่พื้นดินจะไม่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ และยังอาจไปตกในพื้นที่เกษตร ทำให้เครื่องจักรเสียหาย หรือพันขาสัตว์เลี้ยงและสัตว์ป่าได้โดยไม่ตั้งใจ นอกจากนี้โลหะที่ตกอยู่ในแหล่งน้ำยังเป็นของเสียที่ก่อปัญหาเชิงระบบสุขาภิบาลในระยะยาว ดังนั้นการเปลี่ยนมาใช้โคมที่ทำจากไม้ไผ่หรือวัสดุธรรมชาติ 100% คือก้าวเล็กๆ ที่ช่วยลดภาระขยะอันตรายได้อย่างมีความหมายนะคะ โดยปัญหาจากโครงโลหะของโคมลอยที่มักถูกมองข้าม ทั้งที่เป็นสาเหตุสำคัญของขยะตกค้างและความเสี่ยงด้านอัคคีภัย โดยเฉพาะเมื่อโคมตกลงขณะไฟยังไม่ดับสนิท การหลีกเลี่ยงโคมที่มีส่วนประกอบของโลหะ จึงเป็นสิ่งที่ผู้ใช้ทั่วไปสามารถทำได้ทันที โดยไม่ต้องเพิ่มต้นทุนหรือยุ่งยาก เพียงสังเกตบรรจุภัณฑ์หรือสอบถามผู้ขายว่าเป็นโคมแบบไม่มีโครงลวดหรือใช้ไม้ไผ่แทนโลหะก็เพียงพอแล้ว การเลือกโคมแบบนี้ไม่เพียงลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังสะท้อนถึงความรับผิดชอบร่วมกันของเราที่อยากรักษ์โลกไปพร้อมกับสืบสานประเพณีอย่างงดงามค่ะ 2. หลีกเลี่ยงการปล่อยในพื้นที่มีสายไฟหรือหลังคา การหลีกเลี่ยงการปล่อยโคมลอยในพื้นที่ที่มีสายไฟหรือหลังคา ถือเป็นหลักความปลอดภัยขั้นพื้นฐานที่หลายคนมักละเลยค่ะ เพราะโคมลอยทำงานด้วยความร้อนจากเปลวไฟ ซึ่งพร้อมจะลุกลามทันทีหากไปสัมผัสสิ่งที่ติดไฟง่าย เช่น หลังคาบ้าน กระเบื้องเก่า หรือใบไม้แห้งที่กองบนหลังคา รวมถึงสายไฟฟ้าที่อยู่ต่ำกว่าปกติจากบ้านเรือนหรือชุมชนเอง ก็เป็นจุดเสี่ยงที่เกิดประกายไฟได้ง่าย แม้โคมจะโดนเพียงเล็กน้อย แต่ความร้อนสะสมสามารถทำให้ฉนวนของสายไฟเสื่อมและเกิดการช็อตได้ การเลือกพื้นที่โล่งที่ไม่มีสิ่งกีดขวางเหนือศีรษะ จึงเป็นมาตรการสำคัญที่ช่วยป้องกันอัคคีภัยตั้งแต่ต้นทางค่ะ ที่ในบางครั้งเราก็ได้ยินข่าวว่า มีเหตุการณ์ไฟไหม้หรือไฟลุกลามเล็กๆ ที่เกิดจากโคมลอยตกใส่บริเวณหลังคาที่มองไม่เห็นว่ามีเศษใบไม้แห้ง หรือพาดโดนสายไฟในระยะที่คาดไม่ถึง ดังนั้นการปล่อยโคมที่บ้านหรือในชุมชน ควรเริ่มจากการสำรวจพื้นที่โดยรอบอย่างละเอียด เลือกบริเวณที่โล่งอย่างแท้จริง เช่น สนามกว้าง ลานดิน หรือพื้นที่ที่เทศบาลกำหนด หากเป็นพื้นที่บ้านพักอาศัย ควรถอยออกจากตัวบ้านและสิ่งปลูกสร้างให้มากที่สุด โดยวิธีง่ายๆ เหล่านี้ช่วยให้เราสืบสานประเพณีได้อย่างอุ่นใจ พร้อมลดความเสี่ยงที่อาจกระทบต่อบ้านเรือนและชุมชนของเราเองค่ะ 3. เลือกใช้โคมจากวัสดุธรรมชาติ การเลือกใช้โคมลอยที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ เป็นอีกหนึ่งวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้การปล่อยโคมไม่สร้างภาระต่อสิ่งแวดล้อมค่ะ เพราะวัสดุอย่างกระดาษสา กระดาษข้าว หรือโครงไม้ไผ่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ซึ่งต่างจากโคมที่มีส่วนผสมของพลาสติกหรือกาวสังเคราะห์ ที่คงสภาพอยู่นานและกลายเป็นขยะตกค้างในพื้นที่เกษตร พื้นที่ชุมชน หรือแม้แต่ในแหล่งน้ำ วัสดุธรรมชาติยังมีน้ำหนักเบา ช่วยให้โคมลอยได้ดีและปลอดภัยกว่าการใช้วัสดุที่แข็งหรือหนักจนทำให้ทิศทางการลอยคาดเดายาก โคมลอยจากวัสดุธรรมชาติไม่เพียงช่วยลดขยะที่ย่อยสลายยาก แต่ยังลดผลกระทบต่อสัตว์และระบบนิเวศโดยรอบได้อย่างชัดเจน เพราะเมื่อโคมตกลงพื้น เศษกระดาษหรือโครงไม้ไผ่จะเสื่อมสภาพและย่อยสลายไปเองภายในเวลาไม่นาน โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสัตว์หรือเครื่องจักรกลในพื้นที่เกษตร การเลือกใช้โคมที่ทำจากวัสดุธรรมชาติจึงเป็นทางเลือกที่ทั้งปลอดภัย สอดคล้องกับหลักการรักษ์โลก และยังทำให้เราสืบสานประเพณีได้โดยไม่สร้างมลพิษเพิ่มขึ้นในอนาคตค่ะ 4. ปล่อยในพื้นที่ที่ควบคุมได้และปลอดภัย การปล่อยโคมลอยในพื้นที่ที่ควบคุมได้และปลอดภัย คือ หัวใจสำคัญของการสืบสานประเพณีโดยไม่สร้างความเสี่ยงให้ชุมชนค่ะ เพราะพื้นที่ที่ถูกจัดเตรียมอย่างเหมาะสมมักมีการประเมินทิศทางลม ระยะห่างจากสายไฟ และไม่มีสิ่งปลูกสร้างสูงที่อาจทำให้โคมติดหรือตกลงใส่หลังคาบ้านเรือน พื้นที่ควบคุมยังช่วยให้เรามีความมั่นใจว่าหากเกิดเหตุไม่คาดคิด เช่น โคมลอยต่ำหรือดับไม่สมบูรณ์ ก็มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด ทำให้การปล่อยโคมเป็นประสบการณ์ที่ปลอดภัยทั้งต่อผู้ร่วมกิจกรรมและสิ่งแวดล้อมโดยรอบ อีกทั้งพื้นที่ที่จัดไว้สำหรับปล่อยโคมโดยเฉพาะ ยังมีส่วนช่วยลดเหตุไฟไหม้และขยะตกค้างได้อย่างมาก เพราะมีระบบกำกับดูแล ตั้งแต่การควบคุมจำนวนโคม ไปจนถึงการตรวจสอบบริเวณที่โคมจะตกในภายหลัง การเลือกไปปล่อยในพื้นที่ที่เทศบาลหรือชุมชนจัดเตรียม จึงเป็นวิธีที่คนทั่วไปสามารถทำได้ทันที ช่วยให้เราร่วมประเพณีได้อย่างงดงาม ในขณะเดียวกันก็เคารพต่อความปลอดภัยของบ้านเรือนและสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราอย่างแท้จริงค่ะ 5. ไม่ปล่อยโคมในเขตห้ามหรือใกล้สนามบิน การไม่ปล่อยโคมลอยในเขตห้ามหรือบริเวณใกล้สนามบิน ถือเป็นกฎพื้นฐานที่มีความสำคัญมากกว่าที่หลายคนคิดค่ะ เพราะโคมลอยที่ลอยสูงขึ้นไปอาจรบกวนเส้นทางการบินหรือเข้าไปกีดขวางพื้นที่ควบคุมการขึ้น–ลงของเครื่องบินได้โดยตรง แม้โคมจะมีน้ำหนักเบา แต่เมื่อขึ้นไปอยู่ในระดับความสูงที่เครื่องบินใช้งาน ก็สามารถทำให้ระบบนำร่องหรือวิถีการบินต้องเปลี่ยนกระทันหัน ซึ่งเป็นความเสี่ยงร้ายแรงทั้งต่อผู้โดยสารและผู้คนบนพื้นดิน นอกจากนี้พื้นที่หลายแห่งได้ประกาศเป็นเขตห้ามปล่อยเพื่อความปลอดภัยด้านการบิน หากเราปล่อยโดยไม่ตรวจสอบ อาจเข้าข่ายทำผิดกฎหมายโดยไม่ตั้งใจนะคะ ดังนั้นการตระหนักถึงพื้นที่ห้ามปล่อยเป็นเรื่องที่คนทั่วไปสามารถปฏิบัติได้ง่ายที่สุด แต่ช่วยลดความเสี่ยงสูงที่สุด เพียงตรวจสอบประกาศของท้องถิ่นหรือกรมการบินพลเรือนก่อนปล่อยโคม โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่มีการควบคุมเข้มงวด การเลือกปล่อยในพื้นที่ที่อนุญาตเท่านั้น ไม่เพียงช่วยให้ประเพณีดำเนินไปอย่างสงบ แต่ยังสะท้อนความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม ทำให้แสงจากโคมลอยงดงามทั้งบนท้องฟ้าและในมุมมองของความปลอดภัยของทุกคนค่ะ 6. ร่วมกิจกรรมของท้องถิ่นที่มีระบบจัดการชัดเจน การเข้าร่วมกิจกรรมปล่อยโคมลอยที่จัดโดยท้องถิ่นซึ่งมีระบบจัดการที่ชัดเจน ถือเป็นวิธีที่ช่วยให้เราสืบสานประเพณีอย่างมีความปลอดภัยมากที่สุดค่ะ เพราะงานที่ผ่านการวางแผนจากหน่วยงานท้องถิ่นมักมีการประเมินพื้นที่ล่วงหน้า ตั้งจุดปล่อยที่ปลอดภัย ตรวจสอบทิศทางลม รวมถึงเตรียมเจ้าหน้าที่คอยดูแลตลอดกิจกรรม นอกจากนี้ยังมีข้อกำหนดเรื่องประเภทโคมที่ใช้ เวลาในการปล่อย และจำนวนที่อนุญาต ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงด้านอัคคีภัยและลดโอกาสที่โคมจะลอยไปตกในพื้นที่ชุมชนหรือใกล้โครงสร้างพื้นฐานสำคัญได้อย่างมาก ซึ่งกิจกรรมที่มีการจัดการอย่างเป็นระบบสามารถลดขยะตกค้างและปัญหาโคมหล่นในพื้นที่เสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ เพราะหลังจบงานมักมีทีมเก็บกู้โคมและตรวจสอบพื้นที่ เพื่อลดผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม การเลือกร่วมกิจกรรมแบบนี้ทำให้คนทั่วไปมั่นใจได้ว่า การปล่อยโคมลอยของเราจะเป็นไปในรูปแบบที่ปลอดภัย มีผู้เชี่ยวชาญดูแล และยังเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนการจัดการประเพณีอย่างรับผิดชอบในระดับท้องถิ่น ซึ่งเป็นก้าวสำคัญของการปล่อยโคมอย่างงดงามและรักษ์โลกค่ะ 7. สนับสนุนโคมลอยจากชุมชนท้องถิ่น การสนับสนุนโคมลอยที่ผลิตโดยชุมชนท้องถิ่น เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้การสืบสานประเพณีมีคุณค่ามากขึ้นทั้งในด้านวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมค่ะ เพราะโคมลอยที่ทำจากภูมิปัญญาท้องถิ่นมักเลือกใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น กระดาษสา กระดาษข้าว และโครงไม้ไผ่ ซึ่งย่อยสลายได้ง่ายและไม่ทิ้งเศษโลหะหรือพลาสติกไว้ในพื้นที่ การซื้อโคมจากชุมชนยังเป็นการสนับสนุนรายได้หมุนเวียนในท้องถิ่น ทำให้ผู้ผลิตมีแรงจูงใจพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยขึ้น ควันน้อยขึ้น และเป็นมิตรต่อโลกมากขึ้นในทุกปี ซึ่งโคมลอยท้องถิ่นมีข้อดีมากกว่าที่หลายคนคิด เพราะนอกจากจะลดปริมาณขยะย่อยสลายยากแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงจากโคมที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งมักมีน้ำหนักมากเกินไป ลอยไม่สม่ำเสมอ หรือมีโครงที่เป็นโลหะซ่อนอยู่ การเลือกซื้อโคมจากผู้ผลิตในชุมชนจึงเป็นการร่วมรับผิดชอบทั้งต่อความปลอดภัยของผู้ใช้และต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัว การตัดสินใจเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้อาจดูธรรมดา แต่มีพลังมากในการช่วยให้ประเพณีปล่อยโคมยังคงสวยงาม ขณะเดียวกันก็เคารพต่อธรรมชาติและผู้คนในพื้นที่ไปพร้อมกันค่ะ 8. ไม่ปล่อยโคมจำนวนมากในคราวเดียว การไม่ปล่อยโคมลอยจำนวนมากในคราวเดียว เป็นหลักสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยของชุมชนค่ะ เพราะยิ่งปล่อยโคมพร้อมกันจำนวนมากเท่าไร โอกาสที่โคมจะลอยชนกัน กลับทิศ หรือลอยต่ำกว่าที่คาดก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่อุบัติเหตุอย่างไฟไหม้หรือโคมตกลงในพื้นที่อ่อนไหว เช่น หลังคาบ้านหรือแหล่งน้ำ นอกจากนี้การปล่อยทีละมากๆ ยังเป็นสาเหตุของควันสะสมเฉพาะจุด ทำให้อากาศขุ่นและเกิดผลกระทบต่อผู้ที่อยู่ในพื้นที่โดยรอบโดยไม่รู้ตัว ซึ่งการกระจายช่วงเวลาปล่อยโคมทีละใบหรือทีละชุดเล็กๆ เป็นวิธีง่ายที่สุดที่ทุกคนในชุมชนสามารถทำได้ทันที เพื่อช่วยลดทั้งควัน ขยะตกค้าง และความเสี่ยงด้านความปลอดภัย การปล่อยในจำนวนที่น้อยยังช่วยให้เราควบคุมทิศทางลม ดูสภาพอากาศ และสังเกตความปลอดภัยโดยรอบได้ชัดเจนขึ้น ทำให้ประสบการณ์การปล่อยโคมสวยงามและสงบมากกว่าเดิม การลดจำนวนจึงไม่ได้ลดความหมายของประเพณี แต่เป็นการเพิ่มคุณค่าความรับผิดชอบให้ประเพณียั่งยืนในระยะยาวค่ะ 9. ไม่ใส่วัตถุอื่นในโคม การไม่ใส่วัตถุอื่นๆ ลงไปในโคมลอยเป็นหลักที่หลายคนอาจไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องโดยตรงกับความปลอดภัยและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมค่ะ เพราะเมื่อเราใส่วัตถุที่มีน้ำหนัก เช่น เหรียญ กระดาษหนา หรือของตกแต่งเพิ่มเติม จะทำให้สมดุลการลอยของโคมเปลี่ยนไป โคมอาจลอยเอียง ตกเร็ว หรือลอยไปไม่ไกลพอจนเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย นอกจากนี้วัสดุที่ไม่ใช่กระดาษธรรมชาติ เช่น พลาสติก ฟอยล์ หรือริบบิ้น ยังไม่สามารถย่อยสลายได้เมื่อโคมตกลงพื้น ทำให้กลายเป็นขยะที่ส่งผลต่อสัตว์และแหล่งน้ำโดยตรงนะคะ ที่โดยสรุปแล้วการคิดแปลกแหวกแนวและใส่วัตถุบางอย่างเข้าไปในโคม ถึงแม้ว่าจะเพียงเล็กน้อย แต่เพิ่มภาระต่อระบบนิเวศมากกว่าที่หลายคนคิดค่ะ เพราะเมื่อโคมตกลงในพื้นที่เกษตร สิ่งของเหล่านั้นอาจเข้าไปติดในเครื่องจักร ทำลายพืชผล หรือถูกสัตว์กินเข้าไปโดยไม่ตั้งใจ ดังนั้นการปล่อยโคมแบบเรียบง่าย ใช้เฉพาะวัสดุที่ออกแบบมาให้ลอยได้อย่างปลอดภัย คือทางเลือกดีที่สุดที่ทั้งสวยงามและรับผิดชอบต่อธรรมชาติ การไม่ใส่วัตถุอื่นลงไปในโคมจึงเป็นการช่วยให้ประเพณียังคงงดงามโดยไม่ทิ้งภาระให้กับโลกใบนี้ค่ะ จบแล้วค่ะ พอจะมองภาพออกบ้างแล้วนะคะ และเมื่อเรามองภาพรวมของการปล่อยโคมลอยอย่างรับผิดชอบ จะเห็นได้ว่าหัวใจสำคัญไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงามของประเพณี แต่คือการทำให้ทุกขั้นตอนสอดคล้องกับความปลอดภัยและความใส่ใจสิ่งแวดล้อมค่ะ ไม่ว่าเราจะเลือกใช้พื้นที่ไหน เวลาใด หรือจำนวนเท่าไร โดยแนวคิดหลักคือการลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นทั้งต่อชุมชน บ้านเรือน และธรรมชาติรอบตัวเรา การปล่อยโคมจึงไม่ใช่เพียงกิจกรรมตามเทศกาล แต่เป็นการแสดงออกถึงจิตสำนึกร่วมของผู้คนที่ต้องการทำให้ประเพณีดำรงอยู่ได้อย่างสมดุลค่ะ ในทางปฏิบัติการนำแนวทางต่างๆ มาประยุกต์ใช้จริงไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิดค่ะ เพราะเริ่มต้นได้จากการเลือกโคมที่ปลอดภัย เลือกสถานที่ที่เหมาะสม และค่อยๆ ลดพฤติกรรมที่อาจก่อให้เกิดปัญหา เช่น การปล่อยจำนวนมากเกินไป หรือการใช้วัสดุที่ไม่ย่อยสลายง่าย เมื่อเรายึดหลักความระมัดระวังเป็นพื้นฐาน การปล่อยโคมก็จะกลายเป็นกิจกรรมที่ทุกคนมีส่วนร่วมได้อย่างมั่นใจ และลดโอกาสเกิดขยะหรืออุบัติเหตุที่ส่งผลต่อผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว และท้ายที่สุดแล้วภาพใหญ่ของการปล่อยโคมอย่างยั่งยืน คือ การที่เราไม่แยกประเพณีออกจากสิ่งแวดล้อม แต่ทำให้ทั้งสองอย่างนี้เดินหน้าไปด้วยกันได้อย่างกลมกลืนค่ะ เมื่อเราตัดสินใจเลือกวิธีที่รับผิดชอบมากขึ้น ตั้งแต่ขั้นเตรียมตัวไปจนถึงการดูแลพื้นที่หลังโคมลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า เรากำลังสร้างแบบอย่างให้ชุมชนและคนรุ่นใหม่เห็นว่าความงดงามทางวัฒนธรรมสามารถคงอยู่ได้ โดยไม่ต้องแลกมากับผลกระทบต่อโลกใบนี้ ซึ่งการปรับวิธีเพียงเล็กน้อยแต่ทำร่วมกัน จะเป็นพลังสำคัญที่ทำให้ประเพณีนี้ยังคงงดงามและปลอดภัยต่อไปในระยะยาวค่ะ ซึ่งจากประสบการณ์ของผู้เขียนเอง ครั้งหนึ่งเคยจองตั๋วเครื่องบินกลับจากเชียงใหม่มากรุงเทพมหานครค่ะ โดยเป็นช่วงเทศกาลและทางสายการบินได้เลื่อนเวลาเที่ยวบินที่จองไว้ ซึ่งตอนนั้นลืมเรื่องการปล่อยโคมลอยไปเลย ที่มีเยอะมากแถวเชียงใหม่ เห็นไหมว่าทุกภาคส่วนก็ได้ปรับเปลี่ยนให้การปล่อยโคมลอยยังมีอยู่ แต่เน้นเรื่องความปลอดภัยค่ะ และล่าสุดผู้เขียนได้ไปปล่อยโคมลอยในงานวันลอยกระทงมาค่ะ โดยได้ซื้อโคมจากคนในพื้นที่สั่งมาขายอีกที ตัวฐานโคมทำจากโครงไม้ไผ่ ตัวโคมเป็นกระดาษสา และส่วนของเชื้อเพลิงคือกระดาษทิชชูแบบม้วนชุบสิ่งที่ติดไฟได้ โคมลอยแบบกระดาษสีขาว ราคา 35 บาท 3 อัน 100 บาทค่ะ ก็ลองไปปล่อยโคมลอยกันค่ะทุกคน และก็ไม่ต้องกังวลแล้ว เพราะเรารู้แล้วว่าจะทำยังไงดีให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมนะคะ อย่างไรก็ตามปล่อยโคมลอยพอเป็นพิธีก็พอค่ะ และด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากคุณผู้อ่านชื่นชอบเนื้อหาแนวนี้ อย่าลืมกดติดตามหรือบันทึกโปรไฟล์ไว้ เพื่อจะได้ไม่พลาดข้อมูลใหม่ๆ ในบทความถัดไป หากสนใจอ่านบทความทั้งหมดของผู้เขียน ก็สามารถกดเข้าไปดูได้จากโปรไฟล์เช่นกันค่ะ #ปล่อยโคมลอย #วิธีลดมลพิษ #วิธีลดปัญหาสิ่งแวดล้อม #เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปกและออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหา ถ่ายภาพโดยผู้เขียน เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล 9 แนวทางป้องกันแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำ ไม่ให้ประสบปัญหาน้ำเสีย 9 ทริคร่วมวันลอยกระทง ลดขยะ ลดโลกร้อน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 9 ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ที่มาพร้อมกับอากาศเย็น ช่วงต้นฤดูหนาว เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !