ในปัจจุบันมีไม้ยืนต้นหลายชนิดที่สามารถนำมาเลือกปลูกหน้าบ้าน โดยไม้ยืนต้นต่อไปนี้จะเป็นชนิดที่สามารถปลูกเพื่อบังแดดได้ แล้วยังสามารถนำมารับประทานได้ด้วย นับไว้ว่าปลูกหนึ่งอย่างได้ประโยชน์หลายอย่างก็ว่าได้ 1.ต้นมะยมแดง(ในรูปนี้ไม่มีผลของต้นมะยมแดง เพราะอยู่ในช่วงที่กำลังจะใกล้ผลัดใบ)ต้มมะยมแดงมีชื่อเรียกหลายชื่อไม่ว่าจะเป็นมะยมฝรั่ง,เชอร์รี่สเปน,มะยมหวาน ซึ่งเป็นไม้ยืนต้นที่สามารถอยู่บริเวณที่มีแดดได้ตลอดทั้งวัน เพราะมะยมแดงเป็นพันธุ์ไม้กลางแจ้ง เจริญเติบโตได้ดีทั้งที่แดดจัด หรือในที่มีแดดร่มรำไร ทำให้เหมาะที่จะเป็นหนึ่งตัวเลือกในการหาไม้ยืนต้นเพื่อมาบดบังแสงแดด แถมเรายังมีผลไม้ให้ได้กินอีกด้วย ซึ่งต้นมะยมแดงนั้นติดผลปีละ 2 ครั้งเลยทีเดียว ปลูกทั้งที่ได้ประโยชน์สองต่อ ทิศทางและตำแหน่งในการปลูก1.ต้นมะยมแดงนิยมปลูกไว้ทางทิศตะวันตก หรือปลูกไว้หน้าบ้าน เพื่อป้องกันภูติผี ที่จะมาทำอันตราย และยังและจะช่วยให้สร้างความเมตตามหานิยม ให้แก่คนในบ้านอีกด้วย2.ระยะห่างในการปลูกขึ้นอยู่กับขนาดและความสูงของต้นมะยมแดง แต่ควรมีระยะห่างจากรั้วประมาณ 1-3 เมตร เพื่อให้กิ่งและใบแตกออกเป็นทรงสวยวิธีปลูกและการดูแล1.ปลูกในดินที่ร่วนซุย สามารถขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและตอนกิ่ง สำหรับการเพาะเมล็ดต้องนำเมล็ดไปแช่ในด่าง เช่น โซดาไฟ เพราะว่า เปลือกของเมล็ดค่อนข้างหนา ต้องใช้วิธีนี้ในการทำให้เปลือกที่หุ้ม เขาแตกหน่ออกมาง่าย และต้องทำการแช่น้ำประมาณ 5-7 วันแล้วนำมาเพาะลงกระถาง2.การตอนกิ่งให้ใช้กิ่งที่ไม่อ่อนเกินไป ปักชำยังไปดินที่มีส่วนผสมของกาบมะพร้าว ชำไว้ในที่มีแดดรำไร ประมาณ 1 เดือน ก็นำไปปลูกได้เลย3.รดน้ำสัปดาห์ละ2-3 ครั้ง หมั่นเสริมอาหารในดินไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยเม็ดให้แก่ต้นมะยมแดงอย่างน้อย 3 เดือนครั้งหรือมากกว่านั้นก็ได้ ประโยชน์1.ใช้ยอดอ่อนของใบนำมาลวก กินกับน้ำพริก ส้มตำ ลาบ หรือนำมาชุบแป้งทอด 2.ผลแก่นอกจากจะทานแบบสดแล้ว ยังสามารถนำไปทำส้มตำและแกงได้ มีสรรพคุณขับเสมหะ แก้ไอ บำรุงโลหิต และระบายท้อง3.ใบแก่ สามารถนำไปสกัดน้ำมันได้ มีกลิ่นฉุน ใช้ไล่แมลงได้ 4.เปลือกของลำต้นมีสารแทนนินที่สามารถใช้ฟอกหนังได้ แถมยังช่วยลดไข้ทับฤดู แก้ผื่นคัน 5.ดอก มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ สามารถใช้ดอกสดต้มและกรองเอาแต่น้ำ แก้โรคในตา ชำระล้างในตา 2.ต้นทับทิมทับทิมเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ทรงพุ่มสูงประมาณ 2-4 เมตร สามารถแตกกิ่งก้านตั้งแต่ด้านล่างต้น ลำต้นแข็งและเหนียว เปลือกลำต้นมีสีเทามันเงา ลักษณะค่อนข้างบาง กิ่งอ่อนและยอดมีลักษณะทรงเหลี่ยมใบมน ผิวมัน และมีหนาวยาวแต่ไม่คม ซึ่งต้นทับทิมสามารถมีอายุยืนถึง 100 ปี นอกจากจะเป็นผลไม้มงคลแล้ว ยังเป็นไม้มงคลอีกด้วย เหมาะแก่การปลูกไว้ทั้งหน้าบ้าน ข้างบ้าน เป็นไม้ยืนต้นที่แตกกิ่งและใบเป็นพุ่ม ทรงสวย ใบมีผิวมันและใบไม่ค่อยร่วง ทำให้เป็นอีกต้นหนึ่งที่สามารถใช้บังแดดให้กับตัวบ้านได้ดีเลยทีเดียว ทิศทางและตำแหน่งในการปลูกการปลูกต้นทับทิม ควรมีระยะห่างจากตัวบ้านประมาณ 1-3 เมตร จะนิยมปลูกบริเวณหน้าบ้านทางทิศตะวันออก โดยเชื่อว่าจะช่วยนำพาความอุดมสมบูรณ์มาสู่บ้าน ถ้าปลูกอยู่หน้าบ้านเป็นช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายภูตผี ไม่ให้เข้ามาในบ้านของเราอีกด้วย วิธีปลูกและการดูแล1.การขยายพันธุ์ต้นทับทิมใช้วิธีการตอนกิ่ง ทาบกิ่ง และปักชำ เพราะว่าการเพาะจากเมล็ด จะทำให้ต้นทับทิมกลายพันธ์ุได้ 2.สามารถปลูกในที่โล่งแจ้งหรือหากปลูกในกระถางก็ได้ เพราะว่าต้นทับทิมเป็นต้นที่อยู่ในที่แดดจัดได้ สำหรับใครที่จะปลูกไว้กินลูกก็ให้ไว้ในตำแหน่งที่ไม่อยู่ท่ามกลางแดดทั้งวัน จะทำให้ออกผลได้ดีขึ้น 3.ปลูกในดินร่วมซุย ระบายน้ำได้ดี มีวัตถุอินทรีย์ปะปนอยู่ด้วยก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นเศษใบไม้หรือกิ่งไม่ต่างๆรวมไปถึงพวกมูลสัตว์ ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก 4.พอปลูกไปได้ประมาณ 1 เดือน ให้บำรุงดินด้วยปุ๋ยคอกและปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 หลังจากนั้นก็สามารถบำรุงทุกๆปี ปีละ2 ครั้ง ประโยชน์1.ผลทับทิมอุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงร่างกาย ช่วยบรรเทาอาการโรคหัวใจ รักษาความดันโลหิตสูง ตลอดจนช่วยลดภาวะการแข็งตัวของเลือด 2.สารสกัดจากทับทิมใช้เป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมความงามอีกด้วย 3.เป็นไม้ประดับบ้าน ช่วยสร้างร่มเงาและช่วยบดบังแดดได้อย่างดี 3.ต้นชงโคต้นชงโคหรือต้นเสี้ยวป่า เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก มีความสูงได้ถึง10 เมตร เป็นทรงพุ่มกลม กิ่งก้านจะแตกเป็นพุ่มเตี้ย ๆ ใบเป็นรูปทรงไข่ ใบเว้าคล้ายรูปหัวใจ เป็นไม้ผลัดใบ มีการผลัดใบในช่วงฤดูหนาว แล้วจะผลิใบในช่วงฤดูร้อน ดอกออกบ่อย ดอกเป็นช่อสีชมพูอมม่วง ดอกจะมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ต้นชงโคนี้จะมีใบที่เป็นเอกลักษณ์ แถมยังมีดอกสีสวยและมีกลิ่นหอม เป็นไม้ที่ได้ได้มีลำต้นใหญ่จนเกินไป มีขนาดระดับกลางๆ ชอบแสงแดดตลอดทั้งวัน มักจะปลูกไว้เป็นไม้ประดับบ้านและสวน เพราะเขาจะเป็นร่มเงาให้แก่บ้าน รวมถึงยังช่วยดูดซับความร้อนที่จะกระทบเข้ามาในบ้าน ทิศทางและตำแหน่งในการปลูก1.ปลูกได้ทุกทิศรอบตัวบ้าน แต่ทิศที่แนะนำคือปลูกไว้ทางทิศตะวันตก กินพื้นที่ปลูกไม่มาก จะช่วยให้ร่มเงาในการกำบังแดดได้ ปลูกห่างจากตัวบ้านหรือรั้วไม่น้อยกว่า 4-5 เมตรขึ้นไป เพราะกิ่งจะแตกออกเป็นพุ่มกว้าง 2.ในด้านความเชื่อ นับได้ว่าชงโคเป็นไม้มงคล ปลูกแล้วจะช่วยเรื่องลาภ ทรัพย์สิน มีความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ครอบครัววิธีปลูกและการดูแล1.ชงโคสามารถปลูกได้โดยการใช้เมล็ด ปักชำ หรือการตอนกิ่ง วิธีการเพาะเมล็ดเป็นวิธีง่ายที่สุดและเห็นผลเร็ว (ก่อนปลูกให้นำเมล็ดแช่น้ำก่อน 1 วัน) 2.สภาพดินที่ควร ดินร่วนหรือดินร่วนปนทราย หรือดินที่ระบายน้ำดี การผสมดินจะประกอบไปด้วย วัสดุอินทรีย์ ได้แก่ แกลบดำ ปุ๋ยคอก ขุยมะพร้าว ผสมให้เข้ากันแล้วนำไปใส่ในภาชนะสำหรับเพาะเมล็ด นำเมล็ดปลูกลงไปแล้วใช้ถุงพลาสติกครอบ รอต้นอ่อนขึ้น 3.การรดน้ำสำหรับการเพาะเมล็ด ให้รดอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง อย่างให้น้ำขัง 4.พอโตเกิน 3-5 แล้วก็ให้ รากและลำต้นหาสารอาหารและน้ำจากธรรมชาติได้เลย แต่ถ้าต้องการรดน้ำก็สามารถทำได้ สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง อาจจะมีการเสริมธาตุอาหารด้วยปุ๋ยคอกได้ ประโยชน์1.ใบชงโคดิบสามารถนำมาทำยาฟอกโลหิตได้2.ส่วนยอดอ่อนของใบ สามารถนำไปต้มเป็นผักลวกจิ้มได้ หรือจะต้มใส่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็จะให้รสชาติจืดและกรอบมัน 3.ส่วนของดอกสามรถนำมาทอดกรอบ กินเป็นอาหารว่างหรืออาหารทานเล่นให้แก่เด็กๆได้อย่างดีเลย4.สามารถให้ร่มเงาในการบดบังแดดที่จะเข้ามาในตัวบ้านได้เป็นอย่างดี การปลูกต้นไม้บังแดดในตำแหน่งใดของบ้านก็ตาม ก็ทำให้เรามีพื้นที่สีเขียวมากขึ้นแถมยังได้ประโยชน์ทั้งการช่วยดูดซับความร้อน ทั้งเป็นอาหาร อีกทั้งยังเป็นไม้ประดับให้แก่บ้านของเราอีกด้วย เครดิต รูปปกและภาพประกอบบทความ ตกแต่งโดย JJKK89/Canvaเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !