วันนี้ผมขอเขียนบทความเกี่ยวกับ "รถเมล์ของประเทศไทย" บ้างนะครับ ผมเชื่อว่าหลายคนคงเคยที่จะขึ้นรถเมย์หรือรถโดยสารประจำทางมากันบ้างแล้วในชีวิตนี้ แต่เคยสงสัยไหมครับว่าทำไม พวกรถเมล์หรือรถโดยสาร ถึงมีจำนวนไม่เพียงพอกับผู้โดยสาร ทำให้ประชากรของประเทศเราต้องออกรถยนต์ส่วนตัวเพิ่มขึ้นกันเรื่อยๆในทุกปี แถมกรุงเทพยังเป็นเมืองที่มีรถติดมากที่สุดในโลกอีกด้วย แทนที่บริษัทเดินรถจะทำให้รถเพียงพอกับความต้องการกับผู้โดยสาร แต่เราก็รู้กันอยู่แล้วว่าเวลาจะเดินทางกลับบ้านช่วงเทศกาล รถโดยสารกลับไม่มีรถพอตลอด อีกอย่างคือรถโดยสารบางทีก็ไม่สะอาดหรือว่าร้อนจนกินไป ถึงแม้ว่ารถคันนั้นจะเป็นแบบระบบปรับอากาศหรือแอร์ก็ตามเพราะว่าแอร์เสียหรือไม่ก็ใช้มานานแล้วไม่ได้มีการทำความสะอาดเลย นอกจากนั้นรถโดยสารประจำทางบางทีคนขายตั๋วก็รู้แล้วว่ารถคนนั้นไม่สามารถรับผู้โดยสารได้แล้วเพราะว่าไม่มีที่ว่างให้นั่ง แต่คนขายตั๋วก็ยังเปิดขายตั๋วทำให้คนที่กำลังจะซื้อตั๋วไม่รู้ว่า จริงๆแล้วถึงเค้าขึ้นรถรอบนี้ทัน เค้าก็ไม่ได้นั่ง ในกรณีที่รถคนนั้นเป็นสายยาว ยิ่งไปกันใหญ่ หลักจากช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้มีการจัดโครงการ "รถคันแรก" ที่ทำให้ยอดขายของรถยนต์พุ่งกระฉูด โดยเฉพาะคนที่ยังไม่เคยซื้อรถยนต์เลยในชีวิตนี้ ทั้งๆที่จริง คนส่วนใหญ่ของประเทศไม่ได้มีเงินพอที่จะซื้อรถยนต์มาขับกันขนาดนั้น แม้แต่มนุษย์เงินเงินเดือนการที่จะซื้อรถยนต์แล้วมาผ่อนส่งที่หลังก็เป็นเรื่องยาก ว่าที่จริงการซื้อรถยนต์นั้นต้องมีเงินมาดาว์นรถก่อนถึงจะเอารถไปใช้ได้ และเงินดาว์นอย่างน้อยก็ 100,000 บาทขึ้นไปแล้ว รวมถึงค่าดอกเบี้ยในแต่ล่ะปีที่ต้องผ่อนด้วย ยิ่งผ่อนนานดอกเบี้ยยิ่งเยอะครับ การแก้ปัญหาคือ ถ้าประชาชนเดินทางระยะสั้นพวกเค้าจะหันมาใช้บริการ Grab Taxi หรือ Grab Car เพราะว่ามีค่าบริการที่ถูกกว่า แถมยังนั่งรถได้อย่างสะดวกสบายไม่ต้องแย่งกันนั่งเหมือนรถเมล์ ส่วนการเดินทางในระยะใกล้นั้นบริษัทเดินรถในอนาครตคงต้องปรับปรุงรถทัวร์ให้มีมาตรฐานที่ดีขึ้นกว่าปัจจุบันเช่น เพิ่มจำนวนรถทัวร์ให้มากขึ้น ทำห้องน้ำในรถทัวร์ให้สะอาด ทำระบบปรับอากาศในรถทัวร์ให้มีอุณหภูมิที่เหมาะสม ครับ ที่มาเครดิตภาพ : https://car.kapook.com/view202904.html https://www.thairath.co.th/content/554638 https://mgronline.com ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านครับ Draft Indy