9 วิธีสังเกตน้ำป่าไหลหลาก ในน้ำตกหรือลำธาร ภัยพิบัติหน้าฝน กดอ่านเลย! เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า จริงๆ แล้วภัยพิบัติทางธรรมชาติทุกอย่าง มักมีเหตุและปัจจัยไปทำให้สถานการณ์นั้นเกิดขึ้น ซึ่งการรู้ว่ามีจุดสังเกตอะไรบ้างที่เป็นสิ่งที่บ่งบอกเกี่ยวกับภัยพิบัตินั้น ก็เป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นที่เราต้องเรียนรู้ เพราะนอกจากในแต่ละวันเราจะต้องช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อมให้ดีแล้ว หากเราไปอยู่ในจุดที่จะมีน้ำป่าไหลหลากได้ แบบนี้เราก็สามารถใช้สิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวเรามาเป็นประโยชน์และเป็นจุดสังเกตได้ค่ะ โดยหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า การเกิดน้ำป่าไหลหลากมักมีสิ่งเตือนภัยมาก่อนล่วงหน้าเสมอ แต่ที่เราไม่รู้หรือไม่ได้ระมัดระวัง ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะว่าเราไม่ได้เพิ่มการรับรู้ให้ตัวเองในเรื่องนี้ พอเป็นแบบนั้นเราเลยมองข้ามการป้องกันตัวเอง และหลีกเลี่ยงการไปอยู่ในจุดที่มีความเสี่ยง แล้วเราต้องสังเกตอะไรบ้าง ในบทความนี้เราจะมารู้กันค่ะ โดยอ่านจบแล้วคุณผู้อ่านจะมองภาพออกและเข้าใจมากขึ้นว่า ก่อนที่จะมีน้ำป่าไหลหลากมานั้น มีอะไรที่เราสามารถรู้ได้ก่อนบ้าง และถ้าอยากรู้แล้วก็อ่านต่อกันเลยดีกว่าค่ะ ดังนี้ 1. น้ำในลำธารเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า เวลาที่เราเห็นน้ำป่าไหลหลากนั้น น้ำในลำธารจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วนะคะ จากที่น้ำป่าที่ไหลมาจำนวนปริมาณมาก ไม่ได้มีแค่จากฝนที่ตกแถวๆ ลำธารโดยตรงเท่านั้น แต่ส่วนใหญ่มาจากพื้นที่รอบๆ ที่เรียกว่า “พื้นที่รับน้ำ” หรือ “ลุ่มน้ำ” ยิ่งลุ่มน้ำมีขนาดใหญ่และมีความลาดชันมากเท่าไหร่ น้ำก็จะยิ่งไหลมารวมกันที่ลำธารได้เร็วขึ้นเท่านั้น และเมื่อพื้นดินไม่สามารถดูดซับน้ำฝนที่ตกลงมาได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ป่าไม้ถูกทำลาย หรือมีสิ่งปลูกสร้างขวางทางน้ำ น้ำจะไหลบ่าลงมาตามผิวดินอย่างรวดเร็ว กวาดเอาดินและสิ่งต่างๆ ลงมาด้วย ทำให้ลำธารที่รองรับปริมาณน้ำมหาศาลนี้เอ่อล้นและกลายเป็นกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากในเวลาอันสั้นค่ะ 2. มีฝนตกหนักต่อเนื่อง ปกติก่อนมีน้ำป่าไหลหลาก มักจะมีฝนตกอย่างต่อเนื่องมาก่อนหน้านั้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องบังเอิญนะคะ เพราะจริงๆ แล้วการที่ฝนตกติดต่อกันเป็นเวลานาน คือ สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดน้ำป่าได้ เมื่อเม็ดฝนตกลงสู่พื้นดินอย่างไม่หยุดหย่อน ดินและพืชพรรณก็ไม่สามารถดูดซับน้ำได้ทัน ทำให้ปริมาณน้ำที่สะสมบนพื้นผิวมีมากเกินกว่าที่ธรรมชาติจะรับไหว โดยเฉพาะในพื้นที่ป่าเขาที่มีความลาดชัน น้ำฝนก็จะไหลบ่าลงมารวมกันอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดเป็นกระแสน้ำที่รุนแรงพัดพาสิ่งต่างๆ ลงมาตามทาง และยิ่งฝนตกหนักนานเท่าไหร่ โอกาสที่จะเกิดน้ำป่าก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น เพราะปริมาณน้ำที่ไหลลงมาเติมในลำห้วยลำธารก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกินความสามารถในการระบาย ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากตามมาในที่สุดค่ะ 3. ได้ยินเสียงน้ำดังผิดปกติ คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า เวลาที่เราได้ยินข่าวน้ำป่าไหลหลาก สิ่งหนึ่งที่เรามักจะได้ยินจากผู้ประสบภัย คือ เสียงน้ำที่ดังผิดปกติ หรือเสียงที่เหมือนฟ้าผ่ามาจากภูเขา ที่โดยปกติแล้วเสียงของน้ำในลำธารจะฟังดูรื่นหู ใช่ไหมคะ? แต่เมื่อเกิดน้ำป่า ปริมาณน้ำมหาศาลจะไหลบ่าลงมาอย่างรวดเร็วและรุนแรง พัดพาสิ่งต่างๆ ที่ขวางหน้า ไม่ว่าจะเป็นก้อนหิน ต้นไม้ ซากกิ่งไม้ หรือเศษดินให้กลิ้ง กระแทก และเสียดสีกันไปตลอดทาง สิ่งเหล่านี้เองที่สร้างเสียงดังสนั่นหวั่นไหว คล้ายเสียงคำรามหรือเสียงปืนใหญ่ ยิ่งน้ำมามากและแรงเท่าไหร่ เสียงก็จะยิ่งดังและน่ากลัวมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นถ้าได้ยินเสียงน้ำแบบนี้ดังมาจากภูเขาในช่วงฝนตกหนัก นี่คือสัญญาณอันตรายที่บอกเราว่าน้ำป่ากำลังมาแล้ว และควรหาที่ปลอดภัยทันทีค่ะ 4. มีกลิ่นโคลนหรือดินปะปนมากับอากาศ ในบางครั้งเราอาจได้กลิ่นที่แปลกไปจากปกตินะคะ นั่นคือกลิ่นโคลนหรือดินปะปนมากับอากาศ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสัญญาณสำคัญที่บ่งบอกว่า กำลังจะเกิดหรือกำลังเกิดน้ำป่า โดยสาเหตุที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่า เมื่อฝนตกหนักและต่อเนื่องเป็นเวลานาน น้ำปริมาณมหาศาลที่ไหลบ่าลงมาจากภูเขา ไม่ได้มีแค่น้ำเปล่าๆ เท่านั้น แต่ยังพัดพาเอาหน้าดิน เศษซากพืช ซากใบไม้ และตะกอนต่างๆ ที่สะสมอยู่บนพื้นดินและตามลำห้วยลงมาด้วย สิ่งเหล่านี้เมื่อถูกกระแสน้ำพัดพาและถูกกวนผสมกัน ก็จะปลดปล่อยกลิ่นเฉพาะตัวของดิน โคลน และอินทรียวัตถุออกมาในอากาศ จึงทำให้เราได้กลิ่นที่ฉุนและคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ยิ่งกลิ่นชัดเจนและแรงเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นเครื่องเตือนใจว่าน้ำป่าที่กำลังมานั้นรุนแรงและมีปริมาณมากค่ะ 5. สีของน้ำเปลี่ยนไป รู้ไหมคะว่า สิ่งที่เราเห็นได้ชัดเจนอย่างหนึ่งคือสีของน้ำที่เปลี่ยนไป จากเดิมที่อาจจะใสๆ กลายเป็นสีขุ่นข้น หรือบางทีก็เป็นสีแดงอมน้ำตาล นั่นไม่ใช่เรื่องแปลกค่ะ โดยสีที่เรามองเห็นในน้ำนั้น เป็นเพราะน้ำป่าที่ไหลลงมาอย่างรวดเร็วและรุนแรง ไม่ได้มีแค่น้ำเปล่าๆ เท่านั้น แต่ยังพัดพาดิน โคลน ทราย และเศษซากพืชต่างๆ ที่อยู่บนพื้นดินและตามทางลงมาด้วย ยิ่งน้ำไหลแรงเท่าไหร่ ก็ยิ่งชะล้างเอาสิ่งเหล่านี้ลงมาได้มากเท่านั้น จึงทำให้สีของน้ำเปลี่ยนเป็นสีขุ่นตามลักษณะของดินและตะกอนที่ถูกพัดพามา ยิ่งน้ำมีสีขุ่นเข้มมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งบ่งบอกถึงปริมาณดินและสิ่งปนเปื้อนที่มากับน้ำ แสดงให้เห็นถึงความรุนแรงของน้ำป่าที่กำลังเกิดขึ้นค่ะ 6. สัตว์ป่ามีพฤติกรรมผิดปกติ หลายคนยังไม่รู้ว่าเราสามารถสังเกตความผิดปกติจากธรรมชาติ โดเมื่อเกิดน้ำป่าไหลหลาก สิ่งที่เรามักจะได้ยินจากชาวบ้านหรือผู้ที่อาศัยอยู่ใกล้ป่า คือ สัตว์ป่ามีพฤติกรรมผิดปกติ บางครั้งพวกสัตว์จะแตกตื่นวิ่งหนีลงมาจากป่าก่อนที่เราจะรู้ตัวเสียอีก นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรือเรื่องเหนือธรรมชาตินะคะ เพราะสัตว์ป่ามีสัญชาตญาณและสัมผัสที่ไวกว่ามนุษย์มาก โดยสามารถรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติได้เร็วกว่าเราหลายเท่า ไม่ว่าจะเป็นเสียงฝนที่ตกหนักติดต่อกันเป็นเวลานาน เสียงน้ำในลำธารที่ดังขึ้นผิดปกติ หรือแม้แต่กลิ่นของน้ำและโคลนที่ถูกพัดพามาล่วงหน้า สัตว์ป่าจะรู้สึกได้ถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามา สัตว์ชนิดต่างๆ จึงเริ่มหาทางอพยพหนีไปยังที่สูงและปลอดภัยกว่าก่อนที่น้ำป่าจะมาถึงจริงๆ พฤติกรรมที่ผิดปกตินี้จึงเป็นเหมือนสัญญาณเตือนภัยธรรมชาติ ที่บอกเราว่ากำลังจะมีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น และเป็นสิ่งที่คนในพื้นที่ควรเฝ้าระวังและรับฟังเพื่อความปลอดภัยของตัวเองค่ะ 7. มีกิ่งไม้ เศษดิน หิน หรือสิ่งแปลกปลอมไหลมากับน้ำ สิ่งที่มาพร้อมกับกระแสน้ำเสมอ คือ กิ่งไม้ เศษดิน หิน หรือสิ่งแปลกปลอมอื่นๆ ที่ลอยปนเปื้อนมาด้วย และเป็นหลักฐานที่ชัดเจนถึงพลังทำลายล้างของน้ำป่า ที่อธิบายได้ง่ายๆ ว่า เมื่อฝนตกหนักและต่อเนื่องเป็นเวลานานจนเกิดน้ำป่า น้ำที่ไหลลงมาอย่างรวดเร็วและรุนแรงจากภูเขานั้น มีความสามารถในการชะล้างและพัดพาทุกสิ่งที่ขวางหน้า ไม่ว่าจะเป็นหน้าดินที่อุดมสมบูรณ์ หินก้อนเล็กก้อนใหญ่ ต้นไม้ กิ่งไม้ หรือแม้กระทั่งเศษสิ่งของที่มนุษย์ทิ้งไว้ แรงของน้ำที่เชี่ยวกรากจะหอบหิ้วสิ่งเหล่านี้ลงมาด้วย ทำให้กระแสน้ำกลายเป็นเหมือนสายพานขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยอันตราย ยิ่งมีสิ่งปนเปื้อนเหล่านี้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าน้ำป่ามีความรุนแรงมาก และนั่นเป็นสัญญาณเตือนภัยที่เราไม่ควรมองข้ามเลยค่ะ 8. อุณหภูมิของน้ำเปลี่ยนไป สิ่งที่หลายคนอาจไม่ทันสังเกตและมองข้ามไป คือ อุณหภูมิของน้ำที่เปลี่ยนแปลงไปค่ะโดยส่วนใหญ่น้ำจะรู้สึกเย็นกว่าปกติ หรือบางครั้งก็เย็นเฉียบจนน่าตกใจ และเหตุผลที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่า น้ำป่าส่วนใหญ่มาจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักบนภูเขาสูง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อุณหภูมิอากาศโดยทั่วไปจะต่ำกว่าพื้นราบอยู่แล้ว ยิ่งฝนตกหนักและต่อเนื่อง น้ำฝนเย็นๆ เหล่านี้ก็จะไหลบ่าลงมารวมกันอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดเป็นกระแสน้ำขนาดใหญ่ที่พัดลงสู่ลำธารหรือแม่น้ำด้านล่าง โดยที่ไม่มีเวลาให้แสงแดดส่องถึงหรือให้ความร้อนจากสภาพแวดล้อมโดยรอบเข้ามาทำให้น้ำมีอุณหภูมิสูงขึ้นได้ทัน ดังนั้นน้ำป่าจึงมักจะมาพร้อมกับความเย็นยะเยือกที่ผิดปกติ นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสัญญาณเล็กๆ ที่ธรรมชาติส่งมาเตือนเราถึงอันตรายที่กำลังจะมาถึงค่ะ 9. น้ำมีฟองและไหลเชี่ยว รู้ไหมคะว่า สิ่งที่มาคู่กันเสมอเลย คือ น้ำที่เต็มไปด้วยฟองและไหลเชี่ยวรุนแรง ซึ่งเป็นสัญญาณที่บอกถึงพลังมหาศาลของธรรมชาติ ลองคิดภาพตามคะว่าเมื่อน้ำฝนปริมาณมหาศาลไหลบ่าลงมาจากภูเขาด้วยความเร็วสูง ที่มักจะพัดพาอากาศเข้าไปปะปน ทำให้เกิดฟองขาวๆ เต็มไปหมด และ ด้วยแรงปะทะที่รุนแรง จึงทำให้น้ำกลับกลายเป็นกระแสที่เชี่ยวกรากและมีพลังมหาศาล ที่สามารถพัดพาทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าไปได้ ไม่ว่าจะเป็นก้อนหิน ต้นไม้ หรือแม้กระทั่งบ้านเรือน ยิ่งน้ำมีฟองมากและไหลเชี่ยวเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นเครื่องยืนยันว่ากระแสน้ำนั้นรุนแรงและอันตรายมากเท่านั้น ดังนั้นถ้าเห็นน้ำมีลักษณะแบบนี้เมื่อไหร่ นั่นหมายความว่ามีน้ำป่าไหลหลากค่ะ ก็จบแล้วค่ะ พอจะมองเห็นภาพกันบ้างไหมคะ? ที่โดยสรุปแล้วเวลาที่เกิดน้ำป่าไหลหลาก สิ่งที่เราควรจำไว้คือสิ่งนี้จะไม่ได้มาแบบเงียบๆ หรือมีสัญญาณแค่จุดเดียวค่ะ แต่ธรรมชาติมักจะส่งสัญญาณเตือนหลายอย่างพร้อมๆ กัน เหมือนเป็นชุดคำบอกใบ้ให้เราได้เตรียมตัว ไม่ว่าจะเป็นฝนที่ตกหนักต่อเนื่อง เสียงน้ำในลำธารที่ดังผิดปกติ สีของน้ำที่เปลี่ยนไปเป็นสีขุ่นข้น กลิ่นดินโคลนที่ปะปนมากับอากาศ ไปจนถึงพฤติกรรมแปลกๆ ของสัตว์ป่า หรือมีเศษกิ่งไม้ หินไหลมากับน้ำ ซึ่งแต่ละอย่างล้วนเป็นสิ่งที่เราสามารถสังเกตและเชื่อมโยงกันได้ เพื่อประเมินสถานการณ์และหาทางรับมือได้อย่างทันท่วงที การรู้และเข้าใจสัญญาณเหล่านี้จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งสำหรับทุกคนที่อาศัยอยู่ใกล้พื้นที่เสี่ยง หรือต้องเดินทางเข้าไปในป่าเขานะคะ และสำหรับคนที่ไม่เคยเห็นน้ำป่าไหลหลากมาก่อนในชีวิต และอาจจะยังไม่คุ้นเคยกับสัญญาณต่างๆ ที่ซับซ้อน จุดที่สังเกตได้ง่ายที่สุดและเห็นชัดเจนที่สุด คือ "สีของน้ำที่เปลี่ยนไป" และ "น้ำที่ไหลเชี่ยวและมีฟองเยอะผิดปกติ" ค่ะ เพราะปกติน้ำในลำธารจะใส หรือมีสีตามธรรมชาติของแหล่งน้ำนั้นๆ แต่เมื่อน้ำป่ามาสีของน้ำจะเปลี่ยนเป็นสีขุ่นข้นคล้ายกาแฟนมหรือสีโคลนทันที และมักจะมีฟองขาวๆ ปนอยู่เยอะมาก พร้อมกับกระแสน้ำที่รุนแรงและเสียงดังผิดปกติ สองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่มองเห็นและได้ยินง่ายที่สุด แม้จะไม่มีประสบการณ์มาก่อนก็ตาม หากเจอสัญญาณเหล่านี้เมื่อไหร่ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่ากำลังจะมีน้ำป่าและรีบอพยพไปยังที่ปลอดภัยโดยเร็วที่สุดค่ะ ที่โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนยังไม่เคยอยู่ในเหตุการณ์จริงที่มีผู้คนประสบภัยจากน้ำป่าไหลหลากค่ะ แต่เคยเห็นน้ำป่าไหลหลากมารวมกันที่น้ำตกแห่งหนึ่ง จำได้ว่าตอนนั้นเดินทางไปดูระบบบำบัดน้ำเสียที่อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งก่อนจะถึงที่หมายได้ขับรถผ่านเขตที่มีน้ำตกและลำธารตามธรรมชาติขนาดใหญ่ โดยตอนนั้นสิ่งที่พบคือตลอดเส้นทางมีฝนตกชุก น้ำในลำธารเปลี่ยนสีและไหลเชี่ยวมากๆ ค่ะ และอีกตัวอย่างหนึ่งที่ได้เห็นมาคือได้ไปเห็นลำธารที่เคยประสบภัยจากน้ำป่าไหลหลาก ที่อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งภาพที่เห็นในพื้นที่ตรงนั้นคือมีก้อนหินขนาดใหญ่จำนวนมากที่ถูกพัดพามาพร้อมกับน้ำป่าไหลหลากนะคะ ยังไงนั้นคุณผู้อ่านลองอ่านทำความเข้าใจดีๆ อีกสักรอบก่อนก็ได้ค่ะ ยิ่งเรามองภาพออกมากเท่าไหร่ การนำไปสังเกตในสิ่งแวดล้อมจริงๆ ยิ่งทำได้ง่ายขึ้นเท่านั้น ด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากสนใจเนื้อหาเช่นนี้อีก อย่าลืมกดติดตามหรือบุ๊กมาร์กโปรไฟล์ไว้ เพื่อรับข้อมูลใหม่ๆ ในบทความต่อไป และถ้าต้องการอ่านบทความทั้งหมดโดยผู้เขียน ให้กดดูโปรไฟล์ได้เลยค่ะ เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปก โดย Júlia Borges จาก Unsplash และออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหา: ภาพที่ 1-2 โดยผู้เขียน, ภาพที่ 3 โดย Wes Warren จาก Unsplash และภาพที่ 4 โดย Wolfgang Hasselmann จาก Unsplash เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล 11 ผลกระทบต่อคน ที่มาพร้อมกับน้ำท่วม และฝนตกหนัก มีอะไรบ้าง 9 แนวทางป้องกันแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำ ไม่ให้ประสบปัญหาน้ำเสีย 9 ผลกระทบความมั่นคงทางอาหาร จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !