เปิดไทม์ไลน์ละเอียด พยาบาลติดโควิด นั่งรถไฟฟ้า เผยป่วยรายที่6 ได้รับเชื้อจากคนแรก
เปิดไทม์ไลน์ละเอียด พยาบาลติดโควิด นั่งรถไฟฟ้า เผยป่วยรายที่6 ได้รับเชื้อจากคนแรก ย้ำปชช.อย่างเชื่อข่าวลือในเน็ต ให้ติดตามข้อมูลจาก ศบค.
วันที่ 10 ธ.ค. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) แถลงข่าวถึงกรณี กทม.พบการติดเชื้อในประเทศของบุคลากรทางการแพทย์ ว่า จากที่พบผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศเป็นบุคลากรทางการแพทย์ รพ.บีเอ็นเอช รายแรก และสอบสวนโรคจนพบรายที่ 2 3 4 และ 5 โดยพบว่ามีการกินข้าว พักห้องเดียวกัน มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกัน
โดยรายที่ 4 น่าจะเป็นผู้ที่ติดเชื้อก่อนรายแรกและนำมาแพร่สู่คนอื่น เนื่องจากมีประวัติเข้าไปคัดกรองวัดไข้ผู้กักกันที่ติดเชื้อโควิดในสถานกักกันที่รัฐกำหนด (ASQ) โดยสงสัยว่าเกิดข้อผิดพลาด (Human Error) จากการใส่ชุดไม่ครบถ้วนรัดกุม และเริ่มป่วยคนแรกวันที่ 29 พ.ย. อย่างไรก็ตาม วันนี้พบการติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์เพิ่มอีก 1 ราย เป็นรายที่ 6 โดยมีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยรายที่ 1
ทั้งนี้ มีการตรวจบุคลากรทางการแพทย์ใน รพ.บีเอ็นเอช ทั้งหมด 851 คน ผลเป็นลบแล้ว 745 ราย ที่เหลือรอผลการตรวจ ที่พบติดเชื้อ คือ 6 รายนี้ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จะต้องมีการขยายวงและคิดเรื่องการป้องกันให้ละเอียดกว่านี้เพื่อความมั่นใจ ทั้งนี้ ย้ำว่าผู้ปฏิบัติงาน ASQ จะต้องสวมชุดป้องกันอย่างรัดกุมเมื่อเข้าไปพบผู้กักกัน แม้อัตราาการติดเชื้อจะน้อย คือเข้ามาแสนกว่าคน พบการติดเชื้อพันกว่าคน ก็ต้องเข้มข้น และเมื่อปฏิบัติงานเสร็จต้องถอดชุดอย่างถูกต้อง ชำระล้างร่างกาย ก็สามารถออกมาใช้ชีวิตภายนอกได้
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ส่วนกรณีการแชร์คลิปเสียงว่ามีการติดเชือ้ภายในประเทศ 600 กว่าคน ยังไม่ใช่ข้อเท็จริง ขอให้ฟังจากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่จะมีการแถลงข่าวทุกวัน หากไม่มั่นใจอย่าเพิ่งแชร์ต่อ เพราะบรรยากาศความตื่นตระหนกมักมาพร้อมกับข่าวลือ ที่กระตุ้นความสนใจทำให้คนเชื่อได้ง่าย ทำให้มีผลกระทบเป็นวงกว้างมากๆ
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อในประเทศรายใหม่ เป็นบุคลากรทางการแพทย์เพศหญิง อายุ 29 ปี ทำงานอยู่ ASQ สัมผัสกับผู้ป่วยกลุ่มเดิม ถือเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจำนวน 31 คน ที่เราเฝ้าระวังอยู่แล้ว โดยมีการตรวจหาเชื้อครั้งแรกวันที่ 5 ธ.ค. ผลเป็นลบ ต่อมามีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ คัดจมูก ปวดกล้ามเนื้อ จึงตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 วันที่ 8 ธ.ค. พบว่าติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม ส่วนสัมผัสเสี่ยงสูงกลุ่มกลุ่มเพื่อนร่วมหอพัก ห้องสัมภาษณ์งานรพ.รัฐ และสมาชิกครอบครัว 20 คน สถานที่ทำงาน ASQ 2 แห่ง 34 คน ทั้งหมดไม่พบเชื้อ มีประวัติทานข้าวกับรายที่ 1 ก่อนที่รายที่ 1 จะตรวจพบเชื้อ
สำหรับรายที่มีข่าวว่าใช้รถไฟฟ้าเดินทางไปสมัครงาน เป็นผู้ป่วยรายที่ 1 อายุ 26 ปี ทำงาน ASQ โรงแรมเลอเมอริเดียน ถนนสีลม วันที่ 24-26 พ.ย. มีประวัติวัดไข้คนกักกันเคสใหม่ สวมชุดป้องกัน ผลตรวจล็อตนั้นไม่พบเชื้อ วันที่ 28 พ.ย. ทำงาน ASQ อีกแห่ง คือ โรงแรมพูลแมนจีถนนสีลม วัดไข้ผู้กักกัน และล็อตนั้นไม่พบติดเชื้อเช่นกัน นอกเวลางานมาพักกับราย 2 และ 4 ไม่ได้สวมหน้ากาก ใช้ห้องน้ำร่วมกัน
วันที่ 30 พ.ย.ไปทำงาน ICU รพ.บีเอ็นเอช สวมชุดป้องกันเต็มรูปแบบ แวะซื้อยำหน้าหอพัก สวมหน้ากากตามปกติ วันที่ 1 ธ.ค.ทำ ASQ พูลแมนจี รับเวรต่อจากราย 3 และ 5 วันที่ 2 ธ.ค. เดินทางไปสัมภาษณ์งาน รพ.แห่งหนึ่งฝั่งธนบุรี ใช้รถไฟฟ้า MRT ช่วงเวลา 10.00-10.15 น. ขากลับรถไฟฟ้าบีทีเอส จากสาทรมาสีลม เวลา 14.00-14.10 น. ยังไม่มีอาการป่วย วันที่ 3 ธ.ค. มีอาการป่วย รายงานตัวผู้บังคับบัญชา ตอนเย็นเก็บตัวอย่างส่งตรวจ
วันรุ่งขึ้นอาการมากขึ้น ผลพบติดเชื้อโควิด ติดตามจุดสัมผัสที่มีความเสี่ยง พบว่าบนรถไฟฟ้าเป็นความเสี่ยงต่ำเพราะมีการสวมหน้ากาก แต่หากสงสัยว่ามีความเกี่ยวข้องกับไทม์ไลน์ให้มารายงานตัว รพ.ใกล้บ้านได้ หรือโทร. 1422 ส่วนกรณีข่าวพบบุคลากร รพ.บีเอ็นเอชติดเชื้อ 24 รายแล้วนั้นไม่เป็นความจริง