รีเซต

“บ้านปู เน็กซ์” แนะ 5 เทรนด์ พลิกโฉมสู่ Smart Factory

“บ้านปู เน็กซ์” แนะ 5 เทรนด์ พลิกโฉมสู่ Smart Factory
ทันหุ้น
26 พฤษภาคม 2565 ( 10:39 )
100
“บ้านปู เน็กซ์” แนะ 5 เทรนด์ พลิกโฉมสู่ Smart Factory

 

#ทันหุ้น - บ้านปู เน็กซ์ แนะ 5 เทรนด์การใช้เทคโนโลยี-โซลูชันอัจฉริยะที่ผู้ประกอบการภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมยุคใหม่ต้องมี และควรนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินงานตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำเพื่อยกระดับและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ลดต้นทุนในระยะยาว สร้างการเติบโตที่ยั่งยืน พร้อมทรานส์ฟอร์มธุรกิจให้สมาร์ท ก้าวสู่นิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ4.0 (Smart Eco 4.0) และโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) พาธุรกิจพร้อมรับมือได้ทุกสถานการณ์

 

นายชนิต สุวรรณพรินทร์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริหารการตลาดและการขาย บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด กล่าวว่าการดิสรัปชันของเทคโนโลยี (Technology Disruption) ภาวะโลกร้อน วิกฤติโควิด-19 และการขาดแคลนแรงงาน ล้วนเป็นตัวเร่งให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม นำเทคโนโลยีและโซลูชันอัจฉริยะมาขับเคลื่อนการดำเนินงานให้แข็งแกร่งในทุกมิติ ซึ่งสอดคล้องกับรายงานของศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่คาดการณ์ว่า ในปี 2565 ตลาดโซลูชันโรงงานอัจฉริยะไทย (Smart Factory Solutions: SFS) จะมีแนวโน้มเติบโต 9.4%*ซึ่งเทคโนโลยีและโซลูชันอัจฉริยะจะเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยสร้างอีโคซิสเต็มสู่การเป็นSmart Eco 4.0 และ Smart Factoryยกระดับกระบวนการผลิตและบริหารจัดการโรงงานอย่างครบวงจร โดยมี 5เทรนด์ตัวอย่างการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและโซลูชันอัจฉริยะเข้ากับกระบวนการต่าง ๆ ดังนี้

 

· เทรนด์การผลิตอัจฉริยะ (Smart Operation)เพิ่มขีดความสามารถและประสิทธิภาพในการผลิตให้สูงขึ้น โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตอุตสาหกรรมในโรงงาน (Industrial Internet) เช่นหุ่นยนต์แขนกล ระบบอัตโนมัติ และเซ็นเซอร์ ผสานการทำงานคู่กับ AI,IoT หรือระบบคลาวด์ เพื่อเชื่อมต่อเครื่องจักรในโรงงานเข้ากับฐานข้อมูลและพนักงานให้สามารถควบคุม สั่งการ รวมถึงสื่อสารและทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพทุกที่ทุกเวลา ทั้งยังสามารถนำ Big Data มาวิเคราะห์กระบวนการผลิต คาดการณ์จำนวนวัตถุดิบ และตรวจสอบประสิทธิภาพเครื่องจักร เป็นต้น

· เทรนด์การจัดการพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy)ใช้เทคโนโลยีและดิจิทัลแพลตฟอร์มมาตรวจติดตาม ประเมิน และวิเคราะห์การใช้พลังงานและเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อปรับแนวทางการใช้พลังงานในโรงงานให้คุ้มค่า รวมถึงนำเทคโนโลยีพลังงานฉลาดมาเสริมประสิทธิภาพการใช้ไฟฟ้า ลดการปล่อย CO2 และลดค่าไฟฟ้าได้มหาศาลเช่น ติดตั้ง “ระบบโซลาร์”เพื่อผลิตไฟฟ้าไว้ใช้เสริมจากพลังงานหลัก ทั้งยังสามารถติดตั้งอุปกรณ์เสริมอย่าง “ระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้า”เพื่อเพิ่มเสถียรภาพของไฟฟ้า และกักเก็บไฟฟ้าไว้ใช้ดำเนินงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง

 

สำหรับโรงงานที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ไฟฟ้าให้มีเสถียรภาพยิ่งขึ้น เพื่อการดำเนินกิจการได้ต่อเนื่องไม่มีสะดุด “ระบบไมโครกริด”ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่สามารถผลิต กักเก็บ และจ่ายไฟฟ้าภายในระบบเดียวแบบครบวงจร โดยเทคโนโลยีพลังงานเหล่านี้สามารถมอนิเตอร์การทำงานผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มได้แบบเรียลไทม์

· เทรนด์การเดินทางและขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility)นำระบบขนส่งแบบครบวงจร (Fleet Management) และยานพาหนะไฟฟ้ามาใช้งานภายในโรงงาน อาทิ การเดินทาง เคลื่อนย้ายสินค้าในโกดัง ขนส่งสินค้าภายนอกโรงงาน เป็นต้น โดยมีดิจิทัลแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันมอนิเตอร์การเดินทาง สมรรถนะเครื่องยนต์ รวมถึงแจ้งเตือนเหตุขัดข้องแบบเรียลไทม์

 

· เทรนด์ความปลอดภัยอัจฉริยะ (Smart Security) นำสมาร์ทเซฟตี้แพลตฟอร์ม (Smart Safety Platform) ที่มีระบบ CCTV และ AI เข้ามาดูแลความปลอดภัยรอบด้านให้โรงงาน ซึ่งสามารถค้นหาวัตถุ หรือผู้ต้องสงสัย ตรวจจับควันไฟ คัดกรองโควิด-19 เพื่อการเฝ้าระวัง แจ้งเตือน และสั่งการได้แบบเรียลไทม์

 

· เทรนด์การจัดการและหมุนเวียนขยะ (WasteManagement)เปลี่ยนการทิ้งขยะเป็นการจัดการขยะอย่างมีระบบภายในโรงงานด้วยการนำดิจิทัลแพลตฟอร์มมาบริหารจัดการขยะแบบครบวงจรตั้งแต่การคัดแยกขยะและวัสดุเหลือใช้บันทึกและวิเคราะห์ข้อมูลวางแผนส่งต่อไปดำเนินการอย่างเหมาะสมเช่นนำกลับไปใช้ใหม่สร้างประโยชน์หรือสร้างรายได้คืนให้ธุรกิจ

 

การใช้เทรนด์เทคโนโลยีข้างต้นสามารถสร้างประโยชน์ให้ธุรกิจได้หลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นสร้างความคุ้มค่าระยะยาวลดต้นทุนค่าไฟฟ้า การใช้แรงงานและทรัพยากรเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ทั้งด้านปริมาณ ความเร็ว ความแม่นยำ คุณภาพในการผลิต และการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าต่อยอดธุรกิจ นำข้อมูลเชิงลึกจากระบบต่างๆ ไปพัฒนาการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น เพิ่มความปลอดภัยลดโอกาสในการเกิดอุบัติภัยในโรงงาน ลดความเสี่ยงโควิด-19 สร้างความยั่งยืนรอบด้านลดการปล่อย CO2 การใช้พลังงานและทรัพยากรเกินจำเป็นสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้ทุกคนและ เพิ่มมูลค่าธุรกิจส่งเสริมภาพลักษณ์ธุรกิจที่ดำเนินงานยั่งยืนตามหลัก ESG สามารถยกระดับสู่ต้นแบบนิคมฯ และโรงงานอัจฉริยะ

 

“การเตรียมตัวสู่ Smart Eco 4.0 และ Smart Factory ผู้ประกอบการควรประเมิน Pain point ความต้องการต้นทุนและปัจจัยต่างๆ เลือกผู้ให้บริการโซลูชันอัจฉริยะที่ตอบโจทย์มีประสบการณ์มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญและบริการที่ครบวงจรโดยบ้านปูเน็กซ์มีโซลูชันอัจฉริยะที่หลากหลายอาทิโซลูชันฉลาดวิเคราะห์และการจัดการพลังงาน, ระบบโซลาร์, ระบบไมโครกริด, บริการระบบสัญจรทางเลือกแบบครบวงจรของยานพาหนะไฟฟ้า ,สมาร์ทเซฟตี้แพลตฟอร์มฯลฯ ซึ่งทุกบริการมีดิจิทัลแพลตฟอร์ม และแอปฯ ที่สามารถควบคุม สั่งการ และมอนิเตอร์การทำงานได้เรียลไทม์ โดยโซลูชันเหล่านี้เป็นเสมือนจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่สามารถเติมเต็มและพัฒนาโรงงาน และนิคมฯให้สมาร์ทเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนยิ่งขึ้น”นายชนิต กล่าวสรุป

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง