เข้าสู่หน้าร้อนแล้วสำหรับประเทศไทย ซึ่งสิ่งนึงที่หนีไม่ได้ก็คืออากาศที่ร้อนขึ้น ครั้นจะเปิดแอร์ตลอดเวลาก็ต้องแลกมากับค่าไฟที่เพิ่มขึ้น วันนี้จะมาแนะนำวัสดุฉนวนกันความร้อน และแถมฉนวนกันเสียงว่าต้องเลือกใช้อย่างไร แต่ละชนิดมีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร และราคาเท่าไหร่ ในบทความนี้ผมจะอธิบายให้ฟัง ซึ่งมาจากประสบการณ์การทำงานในด้านก่อสร้าง"ฉนวนกันความร้อน"สำหรับฉนวนกันความร้อนชื่อบอกอยู่แล้วว่ากันความร้อน แต่การจะเลือกฉนวนให้เหมาะสมกับการใช้งานกับขนาดห้องจะต้องต้องดูให้ละเอียด เพราะฉนวนกันความร้อนมีทั้งแบบแผ่น แบบม้วน แบบที่ใช้กับงานหลังคากับบนฝ้า ความหนาที่แตกต่างกันไป ซึ่งถ้าเป็นฉนวนกันความร้อนสำหรับวางบนฝ้า วัสดุของ SCG นั้นจะมีอยู่ 2 ความหนา ก็คือ หนา 75 มม. และ 150 มม. ซึ่งเป็นชนิดม้วน ส่วนชนิดแผ่นจะหนาอยู่ที่ 65 มม. ซึ่งใช้สำหรับงานผนัง โดยจะวางอยู่ระหว่างผนัง สำหรับฉนวนแบบม้วน 1 ม้วนจะได้พื้นที่การใช้งานเท่ากับ 2.4 ตร.ม. และราคาสำหรับความหนา 75 มม.จะตกอยู่ที่ 450 บาทต่อม้วน และ 650 บาทต่อม้วนสำหรับความหนา 150 มม. ส่วนชนิดแผ่น 1 แผ่น จะได้พื้นที่การใช้งานที่ 0.72 ตร.ม.โดยสำหรับบ้านที่ก่อสร้างเสร็จแล้ว การที่จะดูว่าบ้านเรานั้นมีฉนวนบนฝ้ารึยังอาจจะต้องดูผ่านช่องเปิดเพื่อไปดูบนฝ้าอีกที ส่วนการติดตั้งแนะนำว่าให้หาช่างมาติดตั้งจะดีกว่าครับ"ฉนวนกันเสียง"สำหรับฉนวนกันเสียงจะมี 2 ลักษณะ คือกันเสียง และดูดซับเสียง โดยถ้าต้องการลดเสียงจากภายนอกเข้ามาภายในห้องควรจะใช้เป็นฉนวนกันเสียง ส่วนถ้าต้องการที่จะควบคุมเสียงภายในห้อง ลดเสียงสะท้อนแนะนำควรเป็นฉนวนชนิดซับเสียง ซึ่งการใช้งานส่วนมากจะใช้สำหรับห้องประชุม ห้องที่มีขนาดใหญ่ใช้ทำกิจกรรม สำหรับค่าดูดซับเสียงนั้นจะถูกระบุด้วยค่า NRC ยิ่งค่า NRC มากเสียงที่จะถูกซับออกก็จะมากขึ้น มีทั้งแบบวางระว่างผนัง และติดผนังเพื่อเพิ่มความสวยงาม ฉนวนกันเสียง และฉนวนกันความร้อนที่กล่าวมาเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง แต่ก็เพียงพอใช้สำหรับหน้าร้อนนี้ที่มาถึง และน่าจะช่วยให้ทุกคนอยู่บ้านได้สบายใจขึ้นไม่ต้องกังวลกับค่าไฟที่เพิ่มขึ้น โดยในตอนนี้ฉนวนมีหลายยี่ห้อให้เลือกใช้ทั้ง SCG , MicroFiber หรือ RockWool ซึ่งคุณภาพใกล้เคียงกันครับ CR:ภาพโดยผู้เขียน