NASA เปลี่ยนเกมหันมาซื้อบริการ "ท่อส่งข้อมูล" สู่ดาวอังคาร โดยเปิดให้เอกชนแข่งขันเต็มรูปแบบ

องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (NASA) กำลังเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ครั้งใหญ่ในการสื่อสารกับภารกิจอวกาศ โดยเปลี่ยนจากการสร้างและใช้งานเครือข่ายถ่ายทอดสัญญาณของตัวเอง ไปสู่การซื้อบริการจากบริษัทเอกชน ทำให้เกิดการแข่งขันขึ้นอย่างดุเดือดระหว่างบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำเพื่อเป็นผู้สร้าง ท่อส่งข้อมูล (Data Pipeline) ถาวรระหว่างโลกกับดาวอังคาร

เปลี่ยนวิธีการสื่อสารแบบเก่าสู่กลยุทธ์ใหม่

ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา NASA พึ่งพายานโคจรและยานอวกาศของตัวเอง เช่น ยาน Mars Reconnaissance Orbiter (MRO) และ ยาน MAVEN ในการรับข้อมูลจากยานสำรวจบนพื้นผิวดาวอังคาร แล้วส่งต่อมายังโลกผ่านเครือข่าย Deep Space Network (DSN) ซึ่งเป็นเครือข่ายสถานีภาคพื้นดินขององค์การ NASA ที่ใช้ ติดต่อสื่อสารกับยานอวกาศระยะไกล (Deep-space missions) รวมไปถึงยานโคจรและยานสำรวจดาวเคราะห์ ดวงจันทร์ และอวกาศห้วงลึก

อย่างไรก็ตาม ยานเหล่านี้ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้เป็นโครงสร้างหลักที่ถาวร และกำลังจะหมดอายุการใช้งานในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่และผู้เข้าร่วมการแข่งขัน

การสร้างระบบสื่อสารบนดาวเคราะห์ดวงอื่นนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากต้องรับมือกับความท้าทายหลายประการ เช่น ระยะทางที่มหาศาล ความหน่วงของสัญญาณที่ยาวนาน การรบกวนจากดวงอาทิตย์ และความต้องการระบบที่ทนทานต่อความผิดพลาดสูง ด้วยเหตุนี้ NASA จึงขอให้บริษัทต่าง ๆ ส่งแผนงานมาเพื่อประเมินความสามารถ ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างจริง

สำหรับผู้เล่นหลักที่เข้ามาร่วมเสนอโครงการในครั้งนี้ มี บริษัท Blue Origin, Rocket Lab และ SpaceX โดยแต่ละบริษัทนำเสนอรายละเอียดของวิธีการดังนี้

• Blue Origin เสนอแนวคิดยานโคจร Mars Telecommunications Orbiter ซึ่งสร้างจากแพลตฟอร์ม Blue Ring โดยตั้งเป้าจะสนับสนุนภารกิจของ NASA ภายในปี 2028

• Rocket Lab เสนอแนวคิดยานโคจรโทรคมนาคมสำหรับดาวอังคารเช่นกัน โดยระบุว่าเป็นส่วนสำคัญของสถาปัตยกรรมที่เสนอสำหรับโครงการ Mars Sample Return

• SpaceX ได้รับทุนสนับสนุนจาก NASA เพื่อศึกษาแนวทางการ "ปรับใช้ดาวเทียมสื่อสารในวงโคจรโลกลงสำหรับดาวอังคาร" ซึ่งคาดว่าจะต่อยอดมาจากเครือข่ายดาวเทียมอินเทอร์เน็ต Starlink

เป้าหมายระยะยาว กับการมีมนุษย์อยู่บนดาวอังคาร

การเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ครั้งนี้สะท้อนถึงเป้าหมายที่ใหญ่กว่าของ NASA ที่ต้องการเปลี่ยนวาระการสำรวจอวกาศจากภารกิจทางวิทยาศาสตร์เพียงอย่างเดียว ไปสู่การสร้าง สถานะของมนุษย์อย่างถาวร บนดวงจันทร์ และในที่สุดก็บนดาวอังคาร การมีโครงข่ายการสื่อสารที่แข็งแกร่งและเชื่อถือได้จากบริษัทเอกชนจึงเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้เป้าหมายนี้เป็นจริงได้ในอนาคต