ในการทำธุรกิจย่อมมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น การวางกลยุทธ์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะใช้เป็นเครื่องมือในการวางแผนการทำงาน และทิศทางขององค์กรบรรลุสู่เป้าหมาย โดยคนในองค์กรรับรู้และเข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน กลยุทธ์แบ่งเป็น 3 ระดับคือ1 กลยุทธ์ระดับองค์กร (corporate strategy) เป็นการมองภาพใหญ่ของธุรกิจ เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ทุกองค์กร ต้องทำ สิ่งนี้จะช่วยให้เกิดวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน เพื่อวางเค้าโครงงานไปสู่ขั้นต่อไปของการวางกลยุทธ์ และเพื่อให้คนในองค์กรได้เห็นภาพเดียวกันรวมถึงทำงานไปในทิศทางเดียวกัน การยากง่าย หรือซับซ้อนของกลยุทธ์ขึ้นกับชนิดและขนาดธุรกิจ เริ่มจากการวางพันธกิจ และวิสัยทัศน์ องค์กรเพื่อให้ทราบได้ว่าองค์กรทำอะไร มีการให้คุณค่าแตกต่างจากคู่แข่งอย่างไร และต่อมาคือ visionเป็นการวางแผนว่าธุรกิจจะเป็นอย่างไรในอนาคตข้างหน้า สิ่งนึงที่ควรมีอีกอย่างคือเป้าหมายองค์กรเช่นเป้าหมายทางการเงิน ด้านลูกค้า การวางแผนการเติบโตในธุรกิจนั้นๆ กลยุทธ์ระดับองค์กรที่ดี สรุปโดยง่ายคือ มีเป้าหมายว่าจะทำอะไรในระยะยาวให้สำเร็จ กำหนดขอบเขตและเนื้อหาให้ชัดเจน ระบุเป้าหมายและนิยามให้ชัดเจน กำหนดวิธีการอย่างสอดคล้องกับเป้าหมายและมีหลักการทำงาน (drpiyanan.com)1.1 growth strategy กลยุทธ์แบบเน้นการเจริญเติบโต เช่นการหาตลาดใหม่ การเข้าซื้อกิจการ การขยายกิจการ ขอยกตัวอย่าง ปตท. ขยายธุรกิจเปิดร้าน คาเฟ่อเมซอนที่ ปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 13,000 ล้านบาท ร่วมมือกับ CP เปิดร้าน 7/11 ในปั๊มน้ำมัน ช่วยเพิ่มขนาดธุรกิจและสร้างกำไรและยอดขาย1.2 stability strategy กลยุทธ์แบบคงที่ มักจะใช้ในธุรกิจที่อิ่มตัวลงทุนเพิ่มก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง 1.3 retrenchment strategy กลยุทธ์แบบหดตัว มักพบในธุรกิจที่มีการเปลี่ยนในทิศทางขาลง หรือ ถูก disruption เช่นกลุ่มธนาคาร2.bussiness strategy กลยุทธ์ระดับธุรกิจ คือกลยุทธ์ในการแข่งขันของบริษัทเป็นการวางกลยุทธ์ว่าบริษัทจะแข่งขันด้วยวิธีการใด กำหนดคู่แข่งได้อย่างชัดเจนว่าเป็นใคร2.1 cost leadership strategy คือ กลยุทธ์ความเป็นผู้นำด้านต้นทุน ในธุรกิจเดียวกันแต่สามารถผลิตสินค้าที่มีต้นทุนถูกกว่าคู่แข่งได้ทำให้มีความสามารถในการขายในราคาที่ถูกลง กว่าคู่แข่ง2.2 differentiation strategy คือกลยุทธ์ในการสร้างความแตกต่าง โดยใช้นวัตกรรมหรือ หาจุดขายที่แตกต่างจากคู่แข่งเพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันและเพื่อเป็นผู้นำตลาดใน segment นั้นๆ2.3 quick response strategy คือกลยุทธ์ในการปรับตัวให้ทันต่อความต้องการของลูกค้า เช่นโทรศัพท์มือถือ Tablet หรือ Notebook ที่มักออกรุ่นใหม่ๆ มาตอบสนองความตองการลูกค้ากันตลอดเวลา2.4 focus differntiation strategy คือการจับกลุ่มลูกค้าเฉพาะ ที่มีความแตกต่างมีความต้องการพิเศษ แต่กลุ่มนี้อาจมีจำนวนไม่มากในตลาด 2.5 cost focus strategy คือ การเน้นที่ต้นทุนไปที่การจับกลุ่มลูกคาเฉพาะกลุ่มอีกที เช่นเครื่องดื่มชูกำลังต้นทุนต่ำจับกลุ่มแรงงาน 3 Functional strategy กลยุทธ์ระดับหน้าที่ คือการกำหนดกลยุทธ์ในแต่ละหน้าที่ของธุรกิจนั้นๆ เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันซึ่งแต่ละหน้าที่มีความแตกต่างออกไป กลยุทธ์นี้ คือ ส่วนย่อยที่สุดในองค์กร เช่น การตลาด การผลิต การวิจัยและพัฒนา การจัดซื้อ การเงิน ซึ่งแต่ละ หน้าที่ต้องทำงานสอดคล้องกันเพื่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ให้ได้ตามเป้าหมายขององค์กร เมื่อทุกหน้าที่ทำงานสอดคล้องกันออกมาได้ดีหรือไม่นั้นวัดผลได้จากความพึงพอใจของลูกค้าหรือผู้บริโภคว่ายอมจ่ายเงินซื้อสินค้ามากน้อยแค่ไหน กลยุทธ์ทั้งสามระดับมีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนองค์กรให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยในระดับ corperate strategy จะเป็นแนวทางของบริษัทเช่น ภาพการเติบโตจะเป็นอย่างไร จากนั้นก็มี bussiness strategy มารองรับเพื่อสร้างกระบวนการทำการตลาด สร้างตลาดใหม่ๆ การบริหารต้นทุน ต่อมาระดับ functional strategy ก็จะมาช่วยสนับสนุนให้ การวางกลยุทธ์ ทั้งสองอย่างก่อนหน้านี้บรรลุผล โดยเป็นหน้าที่ของ CEO ที่จะต้อง ทำให้แน่ใจว่า กลยุทธ์ทั้งสามมีความสอดคล้อง และเป็นหน้าที่ของ CEO ที่จะต้องดูแลการปฏิบัติงานรวมถึงปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ไปตามสถานการณ์ของธุรกิจแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปบทความโดย mommymettเครดิต รูปปก / ภาพที่1 / ภาพที่2 / ภาพที่3