สวัสดีค่ะ ผู้เขียนชื่อเรนนี่นะคะ เมื่อเพื่อนๆ เริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นขั้นต้น หลายคนก็พอจะเริ่มจำ ฮิรางานะ กับ คาตาคานะ และ เริ่มอ่านกันได้บ้างแล้ว ก็อยากจะเริ่มลองเขียนชื่อของตัวเองดูใช่ไหมหละคะ? แต่ชื่อไทยส่วนใหญ่ทั้งยาว ทั้งมีเสียงที่คนญี่ปุ่นไม่ค่อยออกกัน ยิ่งเขียนตรง ๆ ด้วยคาตาคานะ เสียงบางตัวก็หายไป ทำให้ออกมาเพี้ยนเล็กน้อยเวลาคนญี่ปุ่นอ่าน เพราะแบบนี้เอง เราถึงต้องอาศัยสิ่งที่เรียกว่า Extended Katakana หรือ “คาตาคานะพิเศษ” เพื่อช่วยให้เขียนชื่อของเราได้ใกล้เคียงกับเสียงจริงมากขึ้น ในบทความนี้เรนนี่ จะพาไล่ดูแบบละเอียดค่ะว่า ชื่อไทยของเราเวลาจะแปลงเป็นภาษาญี่ปุ่น ต้องออกเสียงยังไง และต้องใช้เสียงพิเศษตรงไหนบ้าง ภาพที่1 รูปเทียบอักษรฮิรางานะ และ คาตาคานะ โดยมีโรมันจิกับกำกับ ภาพที่2 รูปเทียบอักษรฮิรางานะ และ คาตาคานะ ที่เป็นเสียงผสม (ようおん / Yoon) ในภาษาญี่ปุ่น โดยมีโรมันจิกับกำกับ ภาพที่3 รูปเทียบอักษรฮิรางานะ และ คาตาคานะ ที่เป็นเสียงขุ่น และเสียงปัด ในภาษาญี่ปุ่น โดยมีโรมันจิกับกำกับ ภาพที่4 เสียงพิเศษคาตาคานะ Extended Katakana แต่ก่อนจะไปเริ่มกัน มารู้จัก Extended Katakana กันก่อนนะคะ เสียงพิเศษเหล่านี้เป็นชุดเสียงที่ ไม่มีอยู่ในระบบเสียงปกติของภาษาญี่ปุ่น แต่จะถูกใช้เวลาเขียนคำต่างประเทศ โดยเฉพาะคำภาษาอังกฤษ เสียงพวกนี้จะเขียนด้วย “สระเล็ก” เหมือนกับเวลาเราเขียนเสียงผสม (ようおん / Yōon) ที่คุ้นเคยกันค่ะ แล้วดูว่ากลุ่มเสียงพิเศษแต่ละตัวเกิดจาก การผสมพยัญชนะ + สระเล็ก 「ァ」= a (อะ)「ィ」= i (อิ)「ゥ」= u (อุ)「ェ」= e (เอะ)「ォ」= o (โอะ) โดยสามารถดูทุกตัวได้ที่ภาพที่ 4 ค่ะ เรนนี่ได้รวมให้แล้วใน 1 แผ่น เพื่อให้เข้าใจง่าย เราจะแบ่งออกตามกลุ่มเสียงค่ะ แบ่งได้ 5 กลุ่มเสียง 1. กลุ่มเสียง W (ウィ・ウェ・ウォ) ในภาษาญี่ปุ่นมีเสียง wa "วะ" (ワ・わ) อยู่แล้ว แต่ไม่มีเสียง wi วี / we เว / wo โวะ/โว แบบภาษาอังกฤษ ดังนั้นจึงต้องใช้ ウ (u, อุ) + สระเล็กィ・ェ・ォ เพื่อสร้างเสียงใหม่ขึ้นมา ウィ (wi,วี) ウェ (we, เว) ウォ (wo,โวะ/โว) ตัวอย่างชื่อ วิว View ウィウ Wi-u (วี-อุ) วิน Win ウィン Win (วิน) วู้ด Wood ウッド Uddo (อุด-โดะ) จะมีการเติมโดะ เพราะเสียง d/t จะเด้งนิดๆ ค่ะ เวนดี้ Wendy ウェンディー Wendī (เวน-ดี) วิภา Wipha ウィパー Wipā (วิ-พา) วิมล Wimon ウィモン Wimon (วิ-มน) วิรชา Wiracha ウィラチャー Wirachā (วี-รา-ชา) วงศ์ไทย Wongthai ウォンタイ Wontai (วง-ไท) วิสูตรย์ Wisut ウィスット Wisutto (วี-สุตโตะ) เวชากร Wetchakorn ウェチャコン Wetchakon (เว-ชา-คอน) หมายเหตุ : **ตัวอึน ン (ฮิรางานะ คือ ん) เราจะแทนด้วย "n" หรือ "น" จริงๆ แล้วตัวนี้สามารถออกเสียงได้หลายเสียง เสียงมันสามารถเปลี่ยนได้ตามพยัญชนะที่ตามหลังมาค่ะ ไม่ว่าจะ ออกเป็น ม, น, หรืง ง แต่ส่วนใหญ่เราจะได้ยินเป็นสะกดด้วยแม่ กง ค่อนข้างเยอะค่ะ แต่ถ้าอยู่ท้ายคำแบบชื่อคนแบบนี้ จะเป็นเสียงปิดในลำคอ ไม่ได้ออกชัดเหมือน "น" ของไทย แต่เป็นเสียงปิดจังหวะเบาๆ ไม่ได้ออกเป็น อึน, อึม, อึง แบบเต็มเสียง แต่เป็น น-ปิดคอ, ม-ปิดคอ และ ง-ปิดคอ 2. กลุ่มเสียง V (ヴァ・ヴィ・ヴ・ヴェ・ヴォ) ในภาษาญี่ปุ่นปกติ ไม่มีเสียง V ค่ะ ดังนั้นจึงต้องใช้ตัว ヴ (vu,วุ) + สระเล็กァ・ィ・ェ・ォ เพื่อสร้างเสียงใหม่ จะเป็นเสียงกึ่งระหว่าง B และ V แต่คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะออกเสียงใน “คอเบาๆ” ไม่ใช่ V ชัดแบบภาษาอังกฤษนะคะ ヴァ (va, วะ/วา) ヴィ (vi, วิ) ヴ (vu, เวะ / บุ) เสียงกึ่ง B ← แต่ปกติตรงกลางคำจะออกเป็น “บุ” เบาๆ ヴェ (ve, เว) ヴォ (vo, โว) ตัวอย่างชื่อ วิค Vic ヴィック Vikku (วิค-คุ) วี Vee ヴィー Vī (วี) วินเทจ Vintage ヴィンテージ Vintēji (วิน-เท-จิ) วาเลน Valen ヴァレン Valen (วะ-เรน) วีว่า Viva ヴィーヴァ Vīvā (วี-วะ) วิโอเลต Violet ヴィオレット Violette (วี-โอ-เล็ต-โตะ) วีรวิชญ์ Veerawit ヴィーラウィット Vīrawitto (วี-รา-วิดโตะ) วิเวียน Vivian ヴィヴィアン Vivian (วี-วี-อัน) วินัย Vinai / Vinit ヴィナイ Vinai (วี-ไน) วิริยะ Wiriya/Viriya ヴィリヤ Viriya (วิ-ริ-ยะ) วโรชา Varocha ヴァロチャ Varocha (วะ-โร-ชา) หมายเหตุ : เสียง わ / ワ (wa) เป็นเสียงดั้งเดิมของภาษาญี่ปุ่น ออกเสียงว่า วะ/วา แบบธรรมชาติ เช่น わたし (watashi), ワイン (wain) ส่วน ヴァ (va) เป็นเสียงที่ “สร้างขึ้น” เพื่อถอดคำต่างประเทศที่มีตัว V ถึงแม้เวลาฟังอาจใกล้เคียงกับ wa แต่ ヴァ มีลมเสียงแบบ V เบา ๆ ดังนั้นคำไทยหรืออังกฤษที่มี V ควรใช้ ヴァ ไม่ใช่ わ / ワ ค่ะ 3. กลุ่มเสียง SH– และ J– (シェ・ジェ) ในภาษาญี่ปุ่น ไม่มีเสียง “she” และ “je” โดยตรง เลยต้องสร้างเสียงใหม่ขึ้นโดยใช้รูปแบบผสม シェ (she,เชะ/เฌะ/เช) ออกเสียงระหว่าง shi กับ che ジェ (je,เจ/เจะ) อยู่ระหว่าง ji กับ je แบบอังกฤษ ตัวอย่างชื่อ เชอรี่ Sherry シェリー Sherī (เชะ-รี) เจน Jane ジェーン Jēn (เจ-น) เจเจ JJ je-je ジェジェ Jeje (เจะ-เจ) เชษฐา Chettha / Shettha シェッター Shettā (เช็ต-ตา) เจริญ Jaroen / Jaren ジャルーン/ジェルーン) Jarūn (จา-รูน/เจ-รุน) เจนภพ Jenphop ジェンポップ Jenpoppu (เจน-พป-ปุ) เจษฎา Jetsada ジェッサダー Jessadā (เจส-สะ-ดา) เจนจบ Jenjop ジェンジョップ Jenjoppu (เจน-จป-ปุ) หมายเหตุ: ชื่อไทยหลายชื่อมีเสียง เชะ / เฉะ / เจะ / แจ เช่น เช, เจ, เจน, เจษ ฯลฯ ในภาษาญี่ปุ่นไม่มีเสียงเหล่านี้ตรง ๆ จึงต้องใช้เสียงผสม シェ (she) และ ジェ (je) เพื่อให้คนญี่ปุ่นอ่านได้ใกล้เคียงเสียงไทยค่ะ ส่วนเสียง ジ (ji) เป็นเสียงญี่ปุ่นปกติค่ะ แต่ถ้าต้องการให้เป็นเสียง “เจะ” แบบไทยหรืออังกฤษ ต้องใช้ ジェ แทนค่ะ 4. กลุ่มเสียง F– (ファ・フィ・フェ・フォ) ในภาษาญี่ปุ่นดั้งเดิม ไม่มีเสียง ฟ (fa / fi / fe / fo) มีแค่ フ (fu,ฟุ) เท่านั้น ดังนั้นเวลาจะเขียนคำหรือชื่อที่มี “ฟ” จึงต้อง สร้างเสียงใหม่ โดยใช้ フ (fu, ฟุ) + สระเล็ก (ァ・ィ・ェ・ォ) กลายเป็นชุดเสียง F สากล คือ ファ (fa, ฟะ/ฟา) フィ (fi, ฟิ) フェ (fe, เฟ) フォ (fo, โฟ) ใช้ในคำต่างประเทศทั่วไป เช่น Family ファミリー Famirī (เฟ-มิ-ริ) Fan ファン fan (ฟา-น) Coffee コーヒー Kōhī (โค-ฮิ)(มี fo/fu แต่เป็นกรณีพิเศษ) ตัวอย่างชื่อ ฟ้า Fha/Fah ファー Fā (ฟา) ฟาง Fang ファング Fanggu (ฟัง-กุ) ฟิล์ม Film フィルム Firumu (ฟิ-รุ-มุ) โฟกัส Focus フォーカス Fōkasu (โฟ-คา-สึ) เฟิร์น Fern フェーン / ファーン Fēn (เฟ-น) เฟื่องฟ้า Fueangfa フアンファー Fuanfā (ฟวาน-ฟา) หากต้องการ “เฟื่อง” แบบไทยจริง ๆ (เสียง เฟื่อง) ภาษาญี่ปุ่นจะเขียนได้ยากมาก เพราะไม่มีสระ “เฟือ” รูป フアン เป็นเสียงที่ใกล้ที่สุดค่ะ 5. กลุ่ม TI– DI– TU– DU (ティ・ディ・トゥ・ドゥ) ในภาษาญี่ปุ่น “ไม่มีเสียงแบบภาษาอังกฤษ/ไทย” เช่น ti, di, tu, du, che ti ไม่มี มีแต่เสียง ち (chi, ชิ) → ใช้ ティ (ti, ติ) di ไม่มี มีแต่เสียง じ (ji, จิ) → ใช้ ディ (di, ดิ) tu ไม่มี มีแต่ つ (tsu, สึ) → ใช้ トゥ (tu, ทู) du ไม่มี มักถูกออกเสียงเป็น づ ซึ / ず ซึ แต่ใช้น้อยมาก → ใช้ ドゥ (du, ดู) ตัวอย่างชื่อ ที Tee ティー Tī (ที) ถ้าชื่อมี TI (ติ / ที / ตี้) → ใช้ ティ (ti) เสมอ ดี Dee ディー Dī (ดี) ตูน toon トゥーン Tūn (ตุน) หรือ トーン (Tōn) ดู๋ Du ドゥー Dū (ดู/ดุ) ภาษาญี่ปุ่นไม่มีวรรณยุกต์เหมือนไทย ドゥ (du) ใกล้ที่สุดแล้วค่ะ ติณณภพ Tinnapop ティンナポップ Tinnapoppu (ทิน-นะ-ป็อป-ปุ) ติณชาติ Tinnachat ティンナチャット Tinnachatto (ทิน-นะ-แช็ต-โตะ) ดิลก Dilog / Dilok) ディロック Dirokku (ดิ-ร็อค-คุ) ดิเรก Direk ディレック Direkku (ดิ-เร็ค-คุ) ทิวากร Tiwakon ティワコン Tiwakon (ทิ-วะ-คง) เพิ่มเติม เป็นกลุ่มที่ไม่ค่อยได้ใช้ แต่เป็นความรู้เพิ่มเติมให้นะคะ 6. กลุ่ม “TS–” (ツァ・ツィ・ツェ・ツォ) สำหรับคำที่ต้องการเสียง tsa / tsi / tse / tso แบบยุโรป หรือเยอรมัน ซึ่งภาษาญี่ปุ่นไม่มีตรงๆ จึงใช้ ツ (tsu, สึ) + สระเล็ก เพื่อสร้างเสียงใหม่ ツァ (tsa, ซา/ทซา) ツィ (tsi, ซิ/ทสิ) ツェ (tse, เซ/ทเซ) ツォ (tso, โซ/ทโซ) ตัวอย่างชื่อ Tsai ツァイ ไท/ไซ Tsing ツィン ซิน / ทซิง Tse ツェ เซ / ทเซ หมายเหตุ: เสียงนี้มีความเป็นสากลมากกว่า แบบญี่ปุ่นแท้จะใช้ つ(tsu) แทน แต่การใช้รูปนี้ทำให้ต่างชาติเข้าใจง่ายขึ้น ทริคเล็กๆ น้อย : วิธีออกเสียง つ(tsu, สึ) ให้ถูกต้อง วางปลายลิ้นแตะเบา ๆ ที่หลังฟันบน เหมือนจะออกเสียง “t–” จากนั้น ปล่อยลมออกแบบเสียง “สึ” จะเกิดเสียงแบบผสมที่มีตัว t แฝงอยู่เล็กๆ ฟังเร็วๆ อาจจะคล้าย ตัว す (su, สึ) เลยใช่ไหมแหละคะ แต่ต่างกันอยู่ ต้องอาศัยการฝึกบ่อยๆ ค่ะ เช่น เดียวกับการออกเสียง ち (chi, ชิ) ให้วางลิ้นไว้หลังฟันบนเหมือนกัน แล้วออกเสียง "ชิ" จะมีตัว t ออกมาเบาๆ ซึ่งต่างจาก し (shi, ชิ) ตัวนี้นะคะ 7. กลุ่ม “CH–” (チェ) che ไม่มีรูปพื้นฐาน (มีแต่ ちぇ แบบผสม) ใช้ チェ (che, เชะ/เช) ถ้าต้องการเน้นให้ชัดกว่าเสียง ちぇ แบบปกติ ตัวอย่างชื่อ เชส Ches チェス เชส / เชซึ แชรอน Sharon シェリル / チェリル เชริรุ / เชริลุ หมายเหตุ: シェ (she) ก็ใช้ได้ แต่ถ้าต้องการเสียง che ตรงๆ ให้ใช้ チェ จะใกล้เคียงกว่าค่ะ 8. กลุ่มเสียง “YE–” (イェ) ใช้แทนเสียง “เยะ / เย” ในแบบสากล เช่น ye / yea เพราะภาษาญี่ปุ่นมีแต่ “いぇ” แบบผสม ไม่ใช่เสียงพื้นฐาน 9. กลุ่ม “WH–” (ไม่ค่อยใช้ แต่มี) ภาษาญี่ปุ่นทั่วไปออกเป็น wa (ワ) เช่น white = ホワイト (howaito, โฮ-วา-อิ-โตะ) แต่ในแบบสากลที่ต้องการลมแบบ wh อาจใช้ ウァ (wa) ได้ แต่แทบไม่ใช้ในชื่อค่ะ เพราะคนญี่ปุ่นอ่านไม่ถนัด 10. เสียง “L– / R–” ภาษาญี่ปุ่น ไม่มีเสียง L จึงใช้กลุ่ม ら・り・る・れ・ろ (ra,ระ /ri,ริ /ru,รุ /re, เระ /ro,โร) แทนทั้งหมด Lemon レモン (remon, เรมน) , Lina リナ (rina, รินา), Lake レイク (reiku, เร-อิ-คุ 11. เสียง “qu / kw” ใช้คาตาคานะปกติ เช่น Queen クイーン (ku-īn, คุ-อิน) , Quick クイック (kuikku, คุ-อิค-คุ) ไม่ต้องใช้รูปพิเศษค่ะ ***หมายเหตุ : -เครื่องหมาย ー ในคาตาคานะเรียกว่า 長音符(ちょうおんぷ/chōonpu, โชองปุ)ใช้เพื่อยืดเสียงสระให้ยาวขึ้น ต่างจากฮิรางานะที่ใช้ あ (a,อะ)・い (i, อิ)・う (u, อุ)・え (e,เอะ)・お (o,โอะ) เพื่อยืดเสียงค่ะ ทำไมการถอดชื่อไทยถึงไม่ตรงกับการสะกดไทยทุกตัวอักษร? ภาษาญี่ปุ่นมีจำนวนเสียงน้อยกว่าภาษาไทยมากค่ะ เช่น ภาษาไทยมีวรรณยุกต์ 5 เสียง มีตัวสะกดหลายแบบ และมีเสียง ฟ, ธ, ท, ตร, กล, กร ที่ละเอียด แต่ภาษาญี่ปุ่นไม่มีสิ่งเหล่านี้เลยเวลาเขียนชื่อไทยด้วยคาตาคานะ จึงต้อง ปรับเสียงให้ยู่ในระบบเสียงที่ญี่ปุ่นมีอยู่ ดังนั้นเวลาเขียนชื่อไทยด้วยคาตาคานะ สิ่งที่ต้องการคือ ให้คนญี่ปุ่น “อ่านออกเสียงได้ใกล้เคียงที่สุด” ไม่ใช่สะกดตามไทย 100% ดังนั้นที่เห็นในบทความคือ รูปแบบภาษาญี่ปุ่นที่อ่านออกจริง เหมาะที่สุดเวลาต้องให้เจ้าของภาษาอ่านชื่อเรานะคะ 💛 เป็นอย่างไรกันบ้างคะ? พอเข้าใจมากขึ้นไหมเอ่ย และลองเทียบเสียงชื่อของตัวเองได้แล้วหรือยังคะ ค่อย ๆ ฝึกไปทีละนิดนะคะ การเรียนภาษาไม่มีทางลัด แต่ถ้าเราขยันใช้บ่อยๆ และไม่ยอมแพ้ เราจะเก่งขึ้นแน่นอนค่ะ! ซึ่งตอนนี้ เรนนี่ก็กำลังเรียนภาษาญี่ปุ่นด้วยตัวเองอยู่เหมือนกันค่ะ แล้วก็รู้สึกว่าภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาที่ทั้งน่าสนใจ ยาก แต่ก็สนุกมากเหมือนกันค่ะ ระหว่างที่เรียนก็มีหลายอย่างที่สงสัย เลยต้องหาความรู้เพิ่มเอาเองเรื่อย ๆ ถ้าเพื่อนๆ กำลังเรียนภาษาญี่ปุ่นด้วยตัวเองเหมือนกัน หวังว่าบทความแบบนี้จะช่วยให้ได้ไอเดีย เล็กๆ น้อยๆ กลับไปนะคะ แล้วถ้ามีตรงไหนที่อธิบายไม่ครบ หรือมีข้อมูลที่ควรแก้ เพื่อนๆ สามารถคอมเมนต์บอกได้เลยค่ะ เรนนี่ยินดีรับฟังมากๆ ขอบคุณค่ะ ภาพประกอบบทความ : ผู้เขียนออกแบบขึ้นจากแม่แบบและองค์ประกอบจาก Canva เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !