รีเซต

อย่าหาทำ! แม่ชาวจีนให้ลูกกระโดดเชือกวันละ 3,000 ครั้ง หวังเพิ่มความสูง

อย่าหาทำ! แม่ชาวจีนให้ลูกกระโดดเชือกวันละ 3,000 ครั้ง หวังเพิ่มความสูง
ข่าวสด
12 กันยายน 2564 ( 11:51 )
81
อย่าหาทำ! แม่ชาวจีนให้ลูกกระโดดเชือกวันละ 3,000 ครั้ง หวังเพิ่มความสูง

ข่าววันนี้ เมื่อเร็ว ๆ นี้ สื่อจีนได้รายงานกรณีของ "หยวนหยวน" เด็กหญิงอายุ 13 ปี จากเมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ที่ต้องเข้าพบแพทย์เนื่องจากมีอาการ "โรคหัวเข่าปูด" ภาวะที่หัวกระดูกหน้าแข้งใกล้ ๆ ข้อเข่า (tibial tuberosity) เกิดการอักเสบ หลังจากโดนแม่บังคับให้กระโดดเชือกวันละ 3,000 ครั้ง!

 

เรื่องราวเกิดจากความกังวลของคุณแม่ ที่กลัวว่าลูกสาวจะสูงไม่ทันเกณฑ์ ซึ่งตอนนั้นหยวนหยวนสูง 158 เซนติเมตร มีน้ำหนักเกือบ 120 กิโลกรัม ส่วนตัวแล้วคุณแม่มองว่าเด็กวัยนี้น่าจะสูงสัก 160 เซนติเมตร คุณแม่ที่เคยได้ยินมาว่าการกระโดดสามารถเพิ่มความสูงได้ จึงจัดโปรแกรมกระโดดเชือกให้ลูกสาว โดยไม่ทันคิดว่าจะทำให้ข้อต่อของลูกสาวแย่ลง

 

"แม้ว่าหยวนหยวนจะเป็นประจำเดือนแล้ว แต่กระดูกของเธอยังเติบโตไม่เต็มที่ หากเราใช้โอกาสนี้ เธอจะสามารถสูงขึ้นได้อีก อย่างน้อยก็สูงถึง 160 เซนติเมตร นอกจากนี้การออกกำลังกายเยอะ ๆ ยังช่วยลดน้ำหนักได้อีกด้วย ฉันอยากให้เธอหุ่นดี ทั้งสูงและผอมเพื่อความสวย" คุณแม่กล่าว

 

 

ต่อมาคุณแม่เริ่มรู้สึกว่าการกระโดดเชือกวันละ 1,000 ครั้งมันจะไม่ทันการ นับตั้งแต่ช่วงวันหยุดฤดูร้อน คุณแม่ได้เพิ่มจำนวนครั้งจาก 1,000 เป็น 3,000 ครั้ง โดยแบ่งออกเป็น 3 เวลา เช้า กลางวัน เย็น เวลาละ 1,000 ครั้ง

 

ผ่านไป 3 เดือน การกระโดดมาก ๆ เริ่มส่งผลต่อหัวเข่าของหยวนหยวน เธอเริ่มบอกกับคุณแม่ว่าเจ็บบริเวณเข่า ตอนนั้นคุณแม่คิดว่าเธอโกหกเพราะขี้เกียจทำ แต่สุดท้ายอาการดูไม่สู้ดีจึงพาไปพบแพทย์ศัลยกรรมกระดูก

 

โดยแพทย์ได้วินิจฉัยว่า หยวนหยวนเป็นโรคหัวเข่าปูดและหมอนรองกระดูกข้อเข่าฉีกขาด พร้อมกับเตือนว่าคุณแม่ว่าการออกกำลังกายที่มากเกิน จะส่งผลให้เด็กบาดเจ็บสาหัสได้ ซึ่งคุณแม่ก็ได้แต่ยอมรับผิดในสิ่งที่ทำลงไป

 

 

จากกรณีดังกล่าว แพทย์ได้ออกมาเตือนผู้ปกครองว่า การที่เด็กจะเจริญเติบโตและมีพัฒนาการต่าง ๆ ได้ ต้องเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น การออกกำลังกาย การนอนหลับ โภชนาการ อารมณ์ พันธุกรรม ฯลฯ ซึ่งการออกกำลังเพียงอย่างเดียวนั้นไม่สามารถช่วยได้ทั้งหมด กรณีดังกล่าวจึงไม่ควรทำตามเป็นอย่างยิ่ง

 

ขอบคุณที่มา odditycentral

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง