ป้าแอนน์ หรือ แอน ไชเบอร์ (Anne Scheiber) ถือเป็นบุคคลธรรมดาที่ไม่ได้มีหน้าที่การงานหรือตำแหน่งที่ใหญ่โต เธอเพียงแค่ลงทุนหุ้นในกิจการที่เธอรู้จักและมองว่ามันจะอยู่ต่อไปได้นาน เธอซื้อหุ้นแล้วถือไว้รอรับเงินปันผล ถือยาว และไม่เคยคิดที่จะขายเลย พอเมื่อเธอจากโลกนี้ไป ก็พบภายหลังว่าพอร์ตหุ้นของเธอกลับโตขึ้นต่อเนื่องกลายเป็นมูลค่าหลายล้านเหรียญจากเงินเก็บทั้งชีวิตของเธอ ชื่อของเธอจึงกลายเป็นเคสกรณีศึกษาในกลยุทธ์การซื้อหุ้นและถือไว้ตลอดชีวิต ซึ่งวร้างความมั่งคั่งร่ำรวยได้ แม้จะใช้เวลานานก็ตาม ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้จึงหยิบยกประเด็นของแอน ไชเบอร์มาเป็นธีมของเล่มเนื้อหาภายในจะพูดถึงประเด็นที่เกิดขึ้นในเมืองไทยช่วงปี พ.ศ.2559 (ค.ศ.2016) ที่มีผลต่อการลงทุนหุ้น และข้อคิดเตือนใจนักลงทุนทุกคน เนื้อหาภายในเล่มความจริงที่ควรรู้ก่อนเข้าตลาดหุ้นVI หลายยุคVI ไม่คาดเดาเศรษฐกิจพอเพียงกับ VIเทคโนโลยีกับ VIหลักการเลือกหุ้นของบัฟเฟตต์ห้างหุ้นส่วนบัฟเฟตต์ความเจ็บปวดและบทเรียนของบัฟเฟตต์ลงทุนแบบป้าแอนน์เลือกหุ้น 3 มิติMagic Formulaผลกระทบของดอกเบี้ยต่ำคุณภาพ ราคา ผลตอบแทน ของหุ้นแต้มต่อของเจ้ามือหุ้นประเมินมูลค่าหุ้นด้วย Market Cap.ระดับของการเก็งกำไรพฤติกรรมชวนสงสัยในตลาดหุ้นปัญหาของกลยุทธ์การลงทุนตลาดหุ้นชายขอบความเสี่ยงของหุ้น PE สูงฝันไกล-ไปไม่ถึงเรื่องของแต้มต่อโชคดี ฝีมือ หรือกลโกงคอร์รัปชั่นกับหุ้นนกในกงสีนักเลือกสรรพสิ่งเปลี่ยน-ยีนเหมือนเดิมสัปดาห์แห่งความผันผวนของหุ้นบทเรียนการลงทุนจาก WW 2BE อันตรายBREXIT รอยร้าวของ EUCash is TrashCompetition ModelFin Tech กับการลงทุนSell in May and go awayสงคราม (เศรษฐกิจ) เวียดนามแนวรบด้านตะวันออกเกาะกระแสนักท่องเที่ยวจีนห้าปีกับหุ้นห้าประเทศหุ้นแห่งทศวรรษอ่านเกมหุ้นหุ้นกู้ (ขยะ)อาหารเพื่อมวลชนธุรกิจแห่งมวลมนุษยชาติ ความประทับใจและที่ได้เรียนรู้จากครีเอเตอร์ได้เรียนรู้ว่า วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนระดับโลกก็เคยมีเรื่องผิดพลาดจากการลงทุนเหมือนคนทั่วๆไปเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น....1.การซื้อหุ้นครั้งแรกของเขาในวัย 11 ขวบร่วมหุ้นกับพี่สาว ตอนนั้นหุ้น Cities Service ราคาตกหนัก เขาก็ไม่ขาย เมื่อราคากลับมาสูงกว่าต้นทุนเพียงเล็กน้อย บัฟเฟตต์จึงตัดสินใจขาย แม้จะได้กำไรเพียงเล็กน้อย ทว่าหลังจากนั้นหุ้นดังกล่าวราคาก็สูงขึ้นไปเรื่อยๆ และนี่ทำให้บัฟเฟตต์เป็นคนลงทุนระยะยาวมาก ไม่น่าขายหุ้นที่ดีเพียงเพื่อกำไรเล็กน้อยเลย2.บัฟเฟตต์ลงทุนเป็นเจ้าของปั๊มน้ำมันเองในวัย 21 ปี แล้วก็เจ๊ง เพราะมีปั๊มน้ำมันรายใหญ่มาเปิดฝั่งตรงข้าม มันทำให้บัฟเฟตต์เลิกคิดจะบริหารกิจการเองแบบผู้ประกอบการ3.บัฟเฟตต์ซื้อพันธบัตรของบริษัท ซาโลมอน บราเทอร์ส แล้วขาดทุนหนัก เพราะบริษัททำผิดกฎเกณฑ์การเทรดพันธบัตรกับภาครัฐ สถานการณ์บริษัทเกือบล้มละลาย การที่บัฟเฟตต์เข้าไปเป็นประธานบริษัทเพื่อแก้ไขสถานการณ์นั้นไม่สนุกเลย แม้จะรอดมาได้ เขาก็ไม่มีความสุขเท่าที่ควร4.บัฟเฟตต์ลงทุนในหุ้นเทสโก้แล้วหุ้นตกต่ำจากเรื่องที่ กลต.ของอังกฤษแจ้งว่าบริษัทรายงานกำไรผิดจากความเป็นจริง อีกทั้งแข่งขันกับคู่แข่งได้แย่ลง5.บัฟเฟตต์ถูก กลต.สหรัฐ จับฐานปั่นหุ้น หลังจากมีการสัญญากับผู้ถือหุ้นคนหนึ่งว่าราคาหุ้นจะไม่ต่ำกว่าที่ตกลงไว้ บัฟเฟตต์จบปัญหาที่การจ่ายค่าปรับ และทำให้เขาตระหนักเรื่องธรรมาภิบาลมากขึ้นหลังจากนั้น กลยุทธ์การลงทุนแบบแอนน์ ไชเบอร์1.ลงทุนในบริษัทที่ผลิตสินค้าที่มียี่ห้อดัง และเป็นสินค้าที่เธอรู้จักดี มีโอกาสใช้ตลอด2.เป็นบริษัทที่มีผลประกอบการหรือกำไรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุกปี โดยไม่ค่อยสนใจความถูกแพงของหุ้นมากนัก3.สะสมหุ้นดีตามข้อที่ 1 ไปเรื่อยๆ ทีละน้อย4.ซื้อแล้วเก็บ ถ้ากิจการมันดีจริง ราคาก็ต้องกลับมาสูงขึ้น5.ทำการบ้านจากการประชุมผู้ถือหุ้น ซักถามผู้บริหาร แล้วเปรียบเทียบกับข้อมูลนักวิเคราะห์6.พยายามหลีกเลี่ยงให้จ่ายภาษีให้น้อยที่สุด เช่น ขายหุ้นน้อยมาก เพราะการขายหุ้นจะเสียภาษีกำไรจากการขายหุ้น กฎเกณฑ์ของสหรัฐฯเป็นแบบนี้ในสมัยนั้น7.การประหยัด แอนน์ก็เหมือนกับนักลงทุนระดับโลกคนอื่น คือ ประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือยกว่าฐานะตนเอง ได้เรียนรู้ว่าการเลือกหุ้นลงทุนที่ถูกต้องนั้น มี 3 มิติใหญ่ที่ต้องคำนึง1.คุณภาพของกิจการหรือบริษัท2.การเติบโต โดยเฉพาะยอดขายและกำไรของบริษัท3.ราคาหุ้นที่เข้าซื้อเหมาะสม ได้เรียนรู้ว่าหุ้นที่เหมาะจะลงทุนระยะยาวนั้น ต้องมีคุณสมบัติดังนี้1.เป็นหุ้นคุณภาพดีและเติบโต อาจเป็น Super Company แต่ไม่ใช่ Super Stock เพราะราคาหุ้นไม่ถูก2.เป็นหุ้นคุณภาพดีและหุ้นราคาถูก แต่ไม่เติบโต เรียกว่า หุ้นแข็งแกร่ง3.เป็นหุ้นเติบโตและราคาหุ้นถูก แต่เป็นหุ้นที่มีคุณภาพไม่ดี อยู่ในธุรกิจโภคภัณฑ์ที่บริษัทไม่สามารถควบคุมอะไรได้มากนัก ซึ่งอาจจะเป็นหุ้นวัฏจักร ลงทุนได้ แต่ก็ต้องดูจังหวะซื้อขายให้ถูกต้อง ได้เรียนรู้สูตรมหัศจรรย์ หรือ Magic Formula ที่ให้ผลตอบแทนสูงจากกการใช้สูตรนี้เลือกหุ้นลงทุน วิธีการก็คือ1.เรียงลำดับหุ้นทุกตัวในตลาดด้วยค่า ROE แล้วให้หุ้นที่มีค่า ROE สูงเป็นเลข 1 แล้ว ROE ที่เป็นรองเป็นอันดับ 2 3 4 ไปเรื่อยๆ2.เรียงลำดับหุ้นทุกตัวใหม่ด้วยค่า PE จากต่ำสุดไปสูงสุด จากนั้นให้หุ้นที่มีค่า PE ต่ำสุดเป็นเลข 1 PE ต่ำสุดเป็นอันดับสอง ก็ให้หมายเลข 2 ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆกับหุ้นทุกตัว3.เอาค่า ROE กับค่า PE ของหุ้นแต่ละตัวมาบวกกัน ค่าที่ได้เรียกว่าคะแนนของหุ้น คะแนนคือหุ้นที่ดี เพราะเป็นหุ้นคุณภาพดีแต่ราคาถูก4.เอาหุ้นทุกตัวมาเรียงลำดับตามคะแนน เลือกเฉพาะหุ้นที่มีคะแนนต่ำสุด 30 ตัวแรกมาลงทุนตั้งแต่ต้นปี พอถึงปลายปีค่อยปรับพอร์ตใหม่ข้อเสียของสูตรนี้ก็คือผลตอบแทนอาจไม่ได้มหัศจรรย์จริงเสมอไป ต้องยอมรับผลที่ตามมาจากการใช้สูตรนี้ด้วย ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ได้เรียนรู้หลักการลงทุนหุ้นที่ใช้กับการลงทุนหุ้นในแบบของเราได้ เราสามารถประยุกต์ให้เข้ากับบริบทเหตุการณ์ปัจจุบันได้ เพื่อความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งเป้าไว้ เครดิตภาพภาพปก โดย rawpixel.com จาก freepik.com ภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียนภาพที่ 3 โดย mamewmy จาก freepik.com ภาพที่ 4 โดย standret จาก freepik.com บทความอื่นๆที่น่าสนใจรีวิวหนังสือ Super Stock ในตลาดหุ้นเวียดนามรีวิวหนังสือ ลงทุนหุ้นท่ามกลางวิกฤติ โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากรรีวิวหนังสือ ฝ่าวิกฤติหุ้นด้วย VI พันธุ์แท้ โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากรรีวิวหนังสือ การลงทุนที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์เงินเดือนรีวิวหนังสือ รู้เขารู้เรา เล่นหุ้น 100 ครั้ง ชนะ 70 ครั้ง โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร7-11 Community ห้องลับเมาท์มอยของกินของใช้ในเซเว่น อะไรดีอะไรใหม่ ต้องรู้ ต้องคุย ต้องแชร