สภาพอากาศ 41 องศาฯ! คลื่นความร้อนยุโรปดันยอดผู้เสียชีวิตพุ่งกว่า 1,700 ราย

เปิดภาพผู้โดยสารพยายามจะเปิดประตูรถไฟ หลังผู้โดยสารจำนวนมากติดอยู่บนรถไฟทาลีสสายปารีส-บรัสเซลส์เมื่อวานนี้ (19 ก.ค.) แต่เปิดไม่ออก จึงใช้อุปกรณ์โลหะที่หาได้บนรถไฟ ทุบหน้าต่างกระจกบนประตูรถไฟ จนกระจกแตกร้าว

ผู้โดยสารจำนวนมากติดอยู่บนรถไฟขบวนดังกล่าวนาน 4 ชั่วโมงเมื่อวานนี้ บริเวณใกล้กับเมืองแซงต์-เดนีส์ นอกกรุงปารีส สื่อฝรั่งเศสรายงานว่า คลื่นความร้อนทำให้รถไฟเกิดขัดข้องจนจอดนิ่ง เครื่องปรับอากาศในรถไฟหยุดทำงานท่ามกลางอากาศร้อนจัด ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าช่วยอพยพผู้โดยสารออกจากรถไฟได้ ไม่มีใครได้รับอันตราย คลิปนี้ถ่ายโดยผู้โดยสารที่อยู่บนรถไฟขบวนดังกล่าว

ส่วนที่กรุงปารีส เมืองหลวงฝรั่งเศส อุณหภูมิพุ่งสูงสุด 41 องศาเซลเซียส ส่วนเยอรมนี คลื่นความร้อนเพิ่งเริ่มถล่ม ดันอุณหภูมิพุ่งสูงสุด 38 องศาในเมืองแฟรงเฟิร์ต

ขณะเดียวกัน ยอดผู้เสียชีวิตจากคลื่นความร้อนถล่มยุโรปตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 1,700 คน โดยเสียชีวิตไปโปรตุเกสกว่า 1,000 คน และอีก 700 คนในสเปน

ด้านหน่วยงานสุขภาพโปรตุเกสดีจีเอส (DGS) รายงานเมื่อวานนี้ (19 ก.ค.) ยอดผู้เสียชีวิตจากคลื่นความร้อนในโปรตุเกส เพิ่มขึ้นเป็น 1,063 คน นับตั้งแต่คลื่นความร้อนเริ่มถล่มโปรตุเกสตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคมเป็นต้นมาจนถึงวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นอย่างมากจากเดิม 238 คนระหว่างวันที่ 7-13 กรกฎาคมที่ผ่านมา

นักวิจัยจากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยลิสบอนของโปรตุเกส ประเมินว่า ผู้เสียชีวิตจากคลื่นความร้อนส่วนใหญ่ในโปรตุเกส น่าจะเป็นผู้สูงอายุ

ดีจีเอสยังเตือนว่า อุณหภูมิจะยังสูงขึ้นอีก พร้อมเตือนรัฐบาลโปรตุเกสต้องรีบเร่งรับมือผลกระทบจากปัญหาโลกร้อน เนื่องจากโปรตุเกสเป็นหนึ่งในพื้นที่ในโลก ที่อาจได้รับผลกระทบหนักกว่าจากอากาศที่ร้อนสุดขั้ว

คลื่นความร้อนซ้ำเติมโปรตุเกสที่ยังเผชิญกับภัยแล้งอยู่ ดันอุณหภูมิทั่วโปรตุเกสพุ่งทะลุ 40 องศาเซลเซียสเป็นครั้งแรกเมื่อสัปดาห์ก่อน และขณะนี้อุณหภูมิยังอยู่สูงกว่าค่าเฉลี่ยอุณหภูมิปกติสำหรับช่วงเวลานี้ของปี 

ทั้งนี้ ภัยแล้ง คลื่นความร้อนและการจัดการป่าที่ไร้ประสิทธิภาพ ทำให้เกิดไฟป่าหลายจุดในโปรตุเกส และยังเกิดไฟป่าในยุโรปใต้อีกหลายประเทศรวมถึงสเปนด้วย

ด้านองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก หรือ WMO เตือนคลื่นความร้อนจะถล่มยุโรปต่อไปจนถึงสัปดาห์หน้า และยอดผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้น และเตือนว่าสภาพอากาศร้อนจัดและอุณหภูมิสูงเช่นนี้ จะเกิดถี่ขึ้นในอนาคต

ภาพจาก รอยเตอร์