การเขียนเรียงความคือการเขียนเรียบเรียงถ้อยคำให้เป็นเรื่องราวที่แสดงความรู้ ความคิด ทัศนคติ อารมณ์ หรือความรู้สึกต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่งด้วยภาษาที่ถูกต้องเหมาะสม กะทัดรัด สละสลวย นิยามของเรียงความนั้นกว้างมาก กระทั่งวิธีการเขียนเรียงความนั้นขึ้นอยู่กับเทคนิควิธีการของแต่ละคน สามารถทำได้อย่างหลากหลาย แต่ครั้งนี้จะขอแบ่งปันจากมุมของผู้เขียน ซึ่งมีวิธีการเขียนเรียงความคือ 1. ศึกษาหัวข้อเรื่อง เมื่อได้รับมอบหมายให้เขียนเรียงความเรื่องใดจะต้องศึกษาหาข้อมูลอาจจะยังไม่ต้องศึกษารายละเอียดมากนักเพียงแต่ให้เห็นภาพโดยรวมว่าสามารถเขียนถึงประเด็นใดได้บ้าง เช่น ได้รับหัวข้อ "โรงเรียนของฉัน" ก็ต้องศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนให้เข้าใจภาพรวมของโรงเรียนก่อน 2. วางโครงเรื่อง เป็นการกำหนดหัวข้อหรือประเด็นที่จะเขียนต่อจากการศึกษาเนื้อหาให้เห็นภาพรวมแล้ว เลือกประเด็นที่จะนำเสนอ เช่น หัวข้อ โรงเรียนของฉัน ก็อาจกำหนดประเด็นว่าจะเขียนอะไรบ้าง เช่น ความหมายของชื่อโรงเรียน ความเป็นมาของโรงเรียน กิจกรรมของโรงเรียน ความรู้สึกที่มีต่อโรงเรียน และแนวทางการพัฒนาโรงเรียน เป็นต้น 3. ขยายความ เมื่อได้ประเด็นที่จะเขียนแล้วก็เข้าสู่การอธิบายหรือลงรายละเอียดในแต่ละประเด็นที่เลือกไว้ 4. ทบทวนและลำดับเนื้อหา ในขั้นนี้จะเป็นการทบทวนเรื่องที่เขียนว่ามีความเชื่อมโยง ซ้ำซ้อน หรือมีลำดับย่อหน้าที่เหมาะสมหรือไม่ หากไม่เหมาะสมอาจพิจารณาลำดับเนื้อหาหรือย่อหน้าต่าง ๆ ให้มีความกลมกลืน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และมีความถูกต้อง การเขียนเรียงความนั้นจะประกอบไปด้วยเนื้อหา 3 ส่วนคือ คำนำ เนื้อเรื่อง และสรุป ซึ่งผู้เขียนจะต้องเขียนคำนำให้มีความน่าสนใจดึงดูดให้ผู้อ่านอยากติดตามเรื่องต่อไป ส่วนของเนื้อเรื่องสามารถมีได้มากกว่า 1 ย่อหน้า ตามเนื้อเรื่องหรือประเด็นที่ต้องการนำเสนอ และสรุปเป็นส่วนที่สำคัญมากผู้เขียนจะต้องเขียนสรุปให้จับใจ คือ มีความกระชับ เนื้อหาสรุปดี สอดคล้องกับเรื่อง ทำให้ผู้อ่านประทับใจหรือจดจำเนื้อหาเด่นที่ต้องการนำเสนอได้ โดยมีกลวิธีการเขียนทั้งคำนำและสรุปที่หลากหลาย เช่น อาจสรุปด้วยคำถามให้ผู้อ่านคิดต่อ หรือการใช้กลอน สำนวน สุภาษิต คำคม เป็นต้น ตัวอย่างการเขียนเรียงความ หัวข้อ รักของแม่ ก่อกำเนิดลมหายใจให้ชีวิต ให้รู้คิดอ่านเขียนเพียรศึกษาให้ทุกสิ่งสละได้แม้ชีวา พระคุณแม่นั้นหนาค่ามากมี เป็นรักแท้รักของแม่ไร้เงื่อนไข มีแต่ให้ให้ด้วยใจไม่หน่ายหนีแม้นลำบากตรากตรำทั้งชีวี แม่ต้องมีชีวิตอยู่เพื่อลูกยา “แม่” คนธรรมดาคนหนึ่งที่ใช้ทั้งชีวิตเพื่อพิสูจน์ความจริงข้อนี้และแสดงให้เห็นว่ารักของแม่เป็นรักแท้ที่ไร้เงื่อนไขอย่างแท้จริง เป็นความจริงที่แม่ได้พิสูจน์โดยไม่ได้เอ่ยปากบอกว่ารักสักคำแต่สิ่งที่แม่ทำคือให้การกระทำดังแทนคำพูด ก่อนที่มนุษย์ทุกคนจะลืมตาดูโลก มีผู้หญิงคนหนึ่งได้แบกท้องอันหนักอึ้งนานถึงเก้าเดือน ดำเนินชีวิตอย่างยากลำบาก ขาดอิสรภาพที่จะทำอะไรหลาย ๆ อย่างและต้องฝืนใจทำหลายสิ่งในเวลาเดียวกันด้วยเพียงเพราะต้องดูแลหนึ่งชีวิตอันเปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจ ต้องคอยโอบอุ้มปรานีอยู่ตลอดเวลา ช่วงวัยที่ผ่านพ้นทำให้คนต่างเห็นการเปลี่ยนแปลงในหลาย ๆ ด้าน เราต่างเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ไปข้างหน้า ผ่านการเป็นเด็กที่มีแม่เป็นบูรพคณาจารย์ เป็นครูคนแรกที่สอนให้เราหัดเดิน หัดวิ่ง หัดพูด สอนทุกอย่างให้โดยไม่มีค่าจ้าง ไม่มีวันหยุด ไม่มีตารางเวลาที่แน่ชัดเพราะเมื่อไหร่ที่เราปริปากร้องไม่ว่าด้วยเหตุผลประการใด บุคคลที่ต้องแบกรับภาระนี้ก็คือแม่ของเราเอง หากเปรียบแม่กับลูกเป็นเหมือนชาวสวนกับเมล็ดพันธุ์พืชชนิดหนึ่งซึ่งชาวสวนไม่เคยรู้มาก่อนว่าเมล็ดพันธุ์นี้คือพืชชนิดใด ชาวสวนเลือกที่จะปลูกเมล็ดพันธุ์พืชนั้นลงไปในดินเฝ้ารดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย หวังเห็นดอกผลของเมล็ดพันธุ์ของตน โดยไม่รู้เลยว่าพืชที่ตนปลูกและเฝ้าดูแลอย่างดีนั้นจะแตกกิ่งก้านสาขา ออกดอกผลอย่างที่หวังหรือไม่ หรือจะเป็นพืชที่มีพิษร้ายแรงหรือไม่ เขาเพียงทำสิ่งที่ดีที่สุดและเฝ้าดูการเติบโตของเมล็ดพันธุ์นั้น แม่ก็เหมือนกับชาวสวนคนนี้ ที่เลี้ยงดูบุตรของตนอย่างทะนุถนอม ดูแล เอาใจใส่ หวังให้ลูกเติบโตเป็นคนเก่ง คนดี และมีความสุข ให้ความรักอย่างไร้เงื่อนไขโดยไม่รู้ว่า ลูกที่ตนรักเขาจะเติบโตไปเป็นคนอย่างไรจะเลี้ยงดูตนเองเมื่อยามแก่ชราหรือไม่หรืออาจจะนำความเดือดเนื้อร้อนใจมาสู่ตนก็ไม่อาจรู้ได้ ผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่ นับว่าเป็นผู้ที่ประเสริฐที่สุดของบุตร เพราะเป็นผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แม้คนหมื่นแสนหรือล้านคนบนโลกใบนี้จะให้สิ่งที่มีมูลค่ากับเรามากเพียงไร ก็ไม่อาจสู้การให้ที่มีคุณค่าของแม่ได้ ก่อนที่มนุษย์จะขวนขวายหาเงินทอง ทรัพย์สิน หรือแม้ว่าเกียรติยศชื่อเสียง สิ่งที่มนุษย์ได้อันดับแรกคือชีวิตและลมหายใจ เราจะไม่มีทางได้สิ่งใดเลยหากไม่ได้ชีวิต การให้ลมหายใจให้ชีวิตก็นับว่ามหาศาลมากแล้ว ซ้ำเราเกิดมาแม่ยังให้การเลี้ยงดู อบรมสั่งสอน ให้การศึกษา สละแรงกายหยาดเหงื่อเพื่อทำงานเลี้ยงดูลูกของตนอย่างดีที่สุดเท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำได้ ดังนั้นแม่จึงเป็นผู้ให้ที่ควรค่าแก่การยกย่องนับถือมากที่สุดของบุตร เมื่อแม่รักลูกอย่างไร้เงื่อนไข ก็ไม่มีเหตุผลใดที่ทำให้ต้องลังเลสงสัยถึงบุญคุณของแม่ สิ่งที่ลูกทุกคน พึงกระทำคือการรู้คุณและตอบแทนคุณท่านอย่างไร้เงื่อนไขเช่นเดียวกับที่ท่านให้ทุกอย่างแก่เราอย่างไร้เงื่อนไข สิ่งที่เป็นการตอบแทนบุญคุณของแม่ได้ดีที่สุดหาใช่วัตถุสิ่งของหรือความสุขสบายแต่เป็นความรักจากลูก ความรักจากลูกคือสิ่งที่ผู้เป็นแม่ต้องการ ความรักจะสร้างทุกอย่างขึ้นมาได้ หากลูกรักแม่ลูกจะทำทุกอย่างให้ท่าน แม้จะตกอยู่ในสภาวะอับจนทุกข์ยากแต่ความมหัศจรรย์ของความรักจะก่อให้เกิดสิ่งที่ดีที่สุด ไม่มีใบประกาศของแม่ใบใดที่จะประกาศเกียรติของแม่ได้ดีเท่ากับการกระทำของลูก เรื่อง ผู้เขียนขอบคุณรูปภาพจาก ภาพหน้าปก canva, ภาพที่ 1-4 canva, Image by freepik">ภาพที่ 5 Freepik, Image by jcomp on Freepik">ภาพที่ 6 jcomp บน Freepik#เรียงความ #การเขียนเรียงความ #ตัวอย่างการเขียนเรียงความ #ความรักของแม่ #การเขียน #ภาษาไทย เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !