ประภาคารโดดเดี่ยวที่สุดในโลก กลางทะเลไกล เผยตำนานลึกลับ-มนุษย์ครึ่งแมวน้ำ

ประภาคารโดดเดี่ยวที่สุดในโลก บนเกาะในทะเลไกลโพ้น คนท้องถิ่นเผยตำนานลึกลับ มนุษย์ครึ่งแมวน้ำ แถมยังเป็นสถานที่ในฉากภาพยนตร์เจมส์บอนด์
ประภาคารเล็ก ๆ ท่ามกลางเนินสีเขียวตั้งอยู่ใกล้กับเนินเขาสูงชันบนเกาะห่างไกลที่หันหน้าไปทางมหาสมุทรแอตแลนติก ได้รับการขนานนามว่าเป็นประภาคารที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลก โดยเกาะคาลซอยเป็นหนึ่งในหมู่เกาะแฟโร ซึ่งเป็นหมู่เกาะที่เต็มไปด้วยหิน ห่างจากประเทศสกอตแลนด์ไปทางเหนือ 200 ไมล์ ซึ่งเป็นส่วนปกครองตนเองของประเทศเดนมาร์กอย่างเป็นทางการ
เนื่องจากไม่มีสะพานหรืออุโมงค์เชื่อมกับเกาะอื่น ๆ คาลซอยจึงเป็นเกาะที่เล็กและโดดเดี่ยวที่สุดแห่งหนึ่งของหมู่เกาะแฟโร
ทว่าเกาะเต็มไปด้วยความสมบูรณ์แบบ แม้ว่าภาพจะแสดงให้เห็นว่าประภาคารไม่ใกล้กับอารยธรรมใด ๆ แต่ก็มีประชากรประมาณ 100 คนบนเกาะ ซึ่งตั้งชื่อเล่นให้เกาะว่า 'ขลุ่ย'
ตามรายงานของคณะกรรมการการท่องเที่ยว บนเกาะมีสี่หมู่บ้าน ได้แก่ โทรลลาเนส มิคลาดาลูร์ ฮูซาร์ และซิดราดาลูร์ ซึ่งชาวเมืองคัลซอยทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านการท่องเที่ยวด้วยการผลิตอาหารท้องถิ่นเป็นของที่ระลึก ทางเหนือของเกาะในเมืองโทรลลาเนส มีพิพิธภัณฑ์ช่างตีเหล็กและคาเฟ่ที่ฮูซาร์
ไม่เพียงแค่มีสถานที่น่าทึ่งเท่านั้น แต่ยังมีอดีตที่เต็มไปด้วยความลึกลับ โดยเกาะแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ของตำนานที่ถูกขานถึงอมนุษย์แมวน้ำ (Seal Woman) ซึ่งเป็นที่ระลึกถึงรูปปั้นในหมู่บ้านมิคลาดาลูร์โดยโคปาโคนัน Kópakonan อมนุษย์แมวน้ำ (Seal Woman) หรือที่รู้จักในชื่อเซลกี (Selkie) เป็นนางเงือกประเภทหนึ่งจากหมู่เกาะแฟโร แทนที่จะกลายเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ แต่เซลกีสามารถถอดผิวหนังเสมือนถอดเสื้อผ้าออกมาเป็นมนุษย์
ตำนานเก่าแก่หลายศตวรรษเล่าว่าเธอถูกชาวประมงท้องถิ่นลักพาตัวไป ทนเจ็บปวดมาตลอด แต่ต่อมาก็ได้แก้แค้นชุมชนท้องถิ่น อีกทั้งยังเชื่อกันว่าสามารถแปลงร่างเป็นแมวน้ำโดยสมบูรณ์ โดยตำนานกล่าวว่าแมวน้ำทั้งหมดเคยเป็นมนุษย์และวิวัฒนาการเป็นสิ่งมีชีวิตพร้อมเต็มใจที่จะตายในมหาสมุทร
นอกจากนี้ เกาะคาลซอยยังเป็นส่วนหนึ่งของเกาะพิษที่แสดงในภาพยนตร์เจมส์ บอนด์เรื่องล่าสุด 'No Time to Die' ที่เป็นเกาะสมมุติขึ้นนี้อยู่ในดินแดนพิพาทระหว่างรัสเซียและญี่ปุ่น พร้อมเป็นฐานของจอมวายร้ายลูซิเฟอร์ ซาฟิน รับบทโดยรามี แมเลค ทำให้คณะกรรมการการท่องเที่ยวของหมู่เกาะแฟโรตั้งชื่อว่า 'สถานที่ของเจมส์ บอนด์ที่ห่างไกลที่สุดเท่าที่เคยมีมา' อย่างไรก็ตาม ไม่มีนักแสดงคนใดในภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำบนเกาะจริง ๆ