รีเซต

PTTGCรุกธุรกิจพีวีซี ชูVNTต่อยอดหนุนโต

PTTGCรุกธุรกิจพีวีซี ชูVNTต่อยอดหนุนโต
ทันหุ้น
26 พฤษภาคม 2565 ( 10:52 )
239
PTTGCรุกธุรกิจพีวีซี ชูVNTต่อยอดหนุนโต

 

#PTTGC #ทันหุ้น – PTTGC ดัน VNT ควบรวม AGC-THตั้งบริษัทใหม่คาดแล้วเสร็จปีนี้ หนุนขยายธุรกิจ PVC มองโอกาสขยายธุรกิจคอสติกโซดาขึ้นเป็นผู้เล่นรายใหญ่ใน CLMVT ใส่เกียร์ร่วมมือ allnex อัพฐานแกร่ง พร้อมเดินหน้าลงทุน 5 ปี 608 ล้านดอลลาร์ ขยายโครงการต่อยอดโตระยะยาว มองราคาน้ำมันยังมีความผันผวน ดีมานด์น้ำมันเจ็ทฟื้นตัว แย้มตลาดอีวีเป็นโอกาส

 

นายจิตศักดิ์ สุนทรพันธุ์ ผู้จัดการฝ่ายการเงินองค์กรและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เปิดเผยว่า บริษัทยังหน้าธุรกิจแห่งอนาคตด้วยกลยุทธ์ 3 Steps ได้แก่ 1.Step Change เป็นการต่อยอดและดำเนินธุรกิจในปัจจุบันให้มีความแข็งแกร่ง อย่างที่ผ่านมาได้มีการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน บริษัท วีนิไทย จำกัด (มหาชน) หรือ VNT เพิ่มเป็น 37.82% ทำให้บริษัทขยายเข้าสู่ธุรกิจ PVC Chain และขยายเข้าสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องได้ อย่างโซดาไฟ หรือคอสติกโซดา (Caustic Soda)

 

โดยในอนาคต VNT ตามที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์มีแผนที่จะควบรวมกับบริษัท ไทยอาซาฮีเคมีภัณฑ์ จำกัด (AGC-TH) และเกิดการจัดตั้งบริษัทใหม่ คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปีนี้ ทำให้เป็นโอกาสในการขยายธุรกิจเพิ่มเติม เพื่อสร้างความมั่นใจในการแข็งขัน และขึ้นเป็นผู้เล่นรายใหญ่ใน CLMVT

 

*เดินหน้าลงทุนตามแผน

นอกจากนี้ยังร่วมทุนบริษัท Kuraray GC Advanced Material (KGC) ซึ่งเป็นการผลิตภัณฑ์ที่เป็นซูเปอร์เอ็นจีเนียริ่ง เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทนความร้อน คาดว่าจะดำเนินการเสร็จในไตรมาส 4/2565, โครงการขยายกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกโพลิโพรพิลีน (PP) 250,000 ตัน ของบริษัท HMC Polymers คาดว่าจะแล้วเสร็จไตรมาส 3/2565

 

2.Step Out กลยุทธ์การแสวงหาโอกาสต่อเนื่อง หลังจากประสบความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการ allnex เพื่อสร้างการเติบโตในธุรกิจใหม่หรือในต่างประเทศ สร้างโอกาสการเติบโตในเอเชีย โดยใน 100 วันแรกที่เข้าถือหุ้นใน allnex จะเกินการร่วมมือลงทุนต่อยอด การหาโอกาส M&A ดังนั้นเชื่อว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าธุรกิจของ allnex จะมีการเติบโต มี EBITDA เพิ่มขึ้น 1.5 เท่าในปัจจุบัน และสนับสนุนการเติบโตของบริษัท

 

3.Step Up กลยุทธ์สร้างความยั่งยืนทางธุรกิจ ด้วยการเป็นต้นแบบองค์กรเพื่อความยั่งยืนในระดับสากล มุ่งเน้นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่ง โดยดำเนินการเรื่องของ Efficiency-Driven เช่นการใช้พลังงานทดแทน รวมไปถึงเรื่องของการลดการปล่อยคาร์บอน การปลูกป่าเพื่อซึมซับคาร์บอน

 

*ราคาน้ำมันยังผันผวน

ขณะที่ภาพรวมราคาน้ำมันดิบปัจจุบันยังมีความผันผวนจากสถานการณ์สงครามรัสเซียและยูเครน คาดการร์ว่าจะทำให้ซัพพลายน้ำมันดิบจากรัสเซียกระทบประมาณ 1-1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน รวมไปถึงปิโตรเลียมจากรัสเซียด้วย นอกจากนี้กลุ่มโอเปกก็ยังยังยืนยันที่จะเพิ่มกำลังการผลิตแบบค่อยเป็นค่อยไป ราว 4 แสนบาร์เรลต่อวัน ทำให้ซัพพลายในตลาดไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ครึ่งปีแรกก็ยังมีปัจจัยที่ต้องกังวลคือภาพรวมของเศรษฐกิจที่คาดการณ์ว่าตัวเลขเศรษฐกิจโลกจะลดลง และการปล่อยคลังน้ำมันจากประเทศขนาดใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาใน 6 เดือนต่อจากนี้ ราว 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน

 

ดังนั้นปัจจัยน้ำมันจึงมีทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยลบ นอกจากนี้แนฟทาโดยปกติจะปรับตัวตามราคาน้ำมัน ปัจจุบันมีความต้องการนำแนฟทาไปใช้ในเป็นแก๊สโซลีนออกมา จะช่วยซัพพอตราคาแนฟทาให้ดีขึ้น แต่ก็อาจจะส่งผลต่อโรงงานปิโตรเคมีให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น มาร์จิ้นลดลง

 

*อัดฉีดงบ 608 ดอลลาร์

ส่วนสถานการณ์ยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ถ้ามองกลับกันเป็นโอกาสของบริษัท เพราะปัจจุบันโรงกลั่นน้ำมันผลิตภัณฑ์หลักคือน้ำมันดีเซลไม่ใช้น้ำมันเบนซินที่เป็นรถสำหรับPassenger CAR (รถยนต์นั่ง) ในขณะเดียวกันสิ่งที่บริษัทดำเนินการอย่าง เช่น เรื่องของพลาสติก ก็เป็นโอกาสที่จะตอบโจทย์ตัวถังรถยนต์ ส่วนประกอบต่างๆ จึงมองว่าเป็นโอกาส ที่จะนำผลิตภัณฑ์เคมีคอล เข้าไปในอุตสาหกรรมอีวีมากกว่า

 

นอกจากนี้บริษัทแผนการใช้เงินของบริษัทในระยะเวลา 5 ปี (2565-2569) อยู่ที่ 608 ล้านดอลลาร์ โดยแบ่งเป็นการลงทุนในโครงการลงทุนสำคัญของบริษัท (Key Projects), โครงการพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง Recycle Plant : ENVICCO คาดแล้วเสร็จกลางปีนี้ โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ, โครงการ Super Engineering Plastic : KGC ประมาณ 7 ล้านดอลลาร์, โครงการ OMP 115 ล้านดอลลาร์ และการลงทุน allnex ประมาณ 187 ล้านดอลลาร์

 

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง