เป็นอีกบทความที่ผู้เขียนจะขอนำเสนอบทความเกี่ยวกับสมุนไพรพื้นบ้าน เพราะผู้เขียนเล็งเห็นถึงประโยชน์ของการใช้สมุนไพรเป็นอย่างมาก อีกทั้งในท้องถิ่นของเราก็มีพืชสมุนไพรให้เลือกใช้อย่างมากมาย เพียงแต่คนรุ่นยังเริ่มเห็นคุณแค่และคุณประโยชน์ของสมุนไพรน้อยลง และในบทความนี้ผู้เขียนอยากจะนำเสนอสมุนไพรที่แฝงมากับความเชื่อของคนโบราณ ในเรื่องของมนตรามหาเสน่ห์ อีกทั้งยังมีสรรพคุณทางยาไม่แพ้พืชสมุนไพรชนิดอื่นเลย นั่นก็คือต้น “เถาวัลย์หลง” หรือ “เถาหมาหลง” นั่นเอง ซึ่งพืชสมุนไพรชนิดนี้นับว่าเป็นพรรณไม้ที่หาได้แล้ว ปกติมักจะพบอยู่ในป่าดิบลึก ซึ่งคนโบราณมักนำมาปลูกไว้หน้าบ้านเพราะเชื่อว่าเป็นเมตตามหาเสน่ห์ ช่วยให้ทำมาค้าขายดี นอกจากนี้ยังมีความเชื่ออีกว่า หาใครเดินเข้าไปในป่า แล้วบังเอิญไปเดินข้ามเจ้าต้น “เถาวัลย์หลงเข้า” ก็จะทำให้หลงป่าหาทางออกไม่เจอ ต้องใช้คาถาเบิกป่าจึงสามารถออกมาได้ ซึ่งผู้เขียนเองก็ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่เพราะไม่เคยประสบเหตุการณ์ด้วยตนเอง แต่ที่เป็นจริงแน่นอนก็คือสรรพคุณทางด้านตัวยา ที่ผู้เขียนได้สัมผัสมากับตัวเองว่า สามารถรักษาแก้อาการได้อย่างดีเยี่ยมภาพโดยผู้เขียนถ่ายเองลักษณะของต้น “เถาวัลย์หลง” นั้นเป็นไม้เถาเลื้อยขนาดกลางพาดตามต้นไม้ต่าง ๆ ลำต้นอ่อนมีขนยาวสีเงินหรือสีน้ำตาลปนเหลือง มียางตลอดลำต้น ใบของมันจะเป็นใบเดี่ยว เป็นรูปรี ปลายแหลม โคนสอบ แผ่นใบด้านบนมีขนกระจาย ใต้ใบมีขนนุ่มสีเงินคล้ายเส้นไหมปกคลุมหนาแน่น ดอกออกเป็นช่อ รูปกรวย กลีบดอกสีขาวหรือม่วงอ่อนอมชมพู โคนเชื่อติดกัน ออกดอกเดือนตุลาคมถึงธันวาคม คนโบราณเชื่อว่าหากนำเถาแก่พกติดตัวจะเป็นเสน่ห์มหานิยมค้าขายดีภาพโดยผู้เขียนถ่ายเองสรรพคุณทางยาของต้น “เถาวัลย์หลง” นั้น มักจะใช้ในการรักษาแผลซึ่งจะช่วยให้แผลแห้งและหายเร็ว ซึ่งผู้เขียนเคยมีประสบการณ์กับตัวเองมาแล้ว ครั้งนั้นจะได้ว่าสมัยวัยรุ่นเกิดขับรถมอเตอร์ไซค์ล้ม จนเป็นแผลที่ข้อศอกและหัวเข่า ปู่ของผู้เขียนก็ใช้วิธีการรักษาแบบชาวบ้านคือ นำเอาใบของต้น “เถาวัลย์หลง” ที่ปลูกไว้เป็นพุ่มใช้หน้าบ้าน มาบดจนละเอียดผสมเหล้าขาวเล็กน้อย แล้วนำมาพอกที่แผลของผู้เขียน ไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่คืนเดียวก็สามารถทำให้แผลนั้นแทบจะแห้งสนิท จากนั้นปู่ก็บดใบ “เถาวัลย์หลง” พอกให้ผู้เขียนอีกสามวันจนแผลแห้งสนิทและหายดี ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าการรักษาด้วยสมุนไพรนั้นหากทำอย่างถูกต้องถูกวิธีก็รักษาอาการได้อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าสมัยนี้มีมีความสะดวกสบายในการเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสะดวกกว่าสมัยก่อนได้ แต่ก็คงจะดีไม่น้อยหากคนรุ่นหลังยังคงรักษาภูมิปัญหาเกี่ยวกับสมุนไพรพื้นบ้านไว้ให้คงอยู่ต่อไปได้ ภาพโดยผู้เขียนถ่ายเอง