กลุ่มรถบรรทุกกดดันรัฐบาลตรึงดีเซลลิตรละ 25บาท ขู่รัฐเพิกเฉยหยุดวิ่ง 1แสนคัน
กลุ่มรถบรรทุกกดดันรัฐบาลตรึงดีเซลลิตรละ 25บาท ขู่รัฐเพิกเฉยหยุดวิ่ง 1แสนคัน – รอรับเลยเดือนพ.ย.เพิ่มวงเงินคนละครึ่งรายละ 1,500 บาท วงเงิน4.2หมื่นล.
เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ปัญหาราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นจนส่งผลกระทบต่อประชาชน ผู้ประกอบการ จนทำให้กลุ่มรถบรรทุกออกมาเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลให้ตึงราคาน้ำมันดีเซลเหลือลิตรละ 25 บาท ล่าสุดวันที่ 19 ตุลาคม สหพันธ์การขนส่งทางบกฯจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ นำขบวนรถบรรทุกมาวิ่งบนถนนสายหลักตามรอบนอก กทม.และปริมณฑล โดยในส่วนของสายใต้ นายสุขสันต์ กิตติภัทรพงษ์ อุปนายกสมาคมโลจิสติกส์และขนส่งภาคใต้ นำรถบรรทุกสายใต้หลายสิบคันเคลื่อนขบวนมาบนถนนพระราม 2 เพื่อสมทบกับขบวนใหญ่ รวมแล้วนับพันคันขับวนอย่างช้าๆ รอบนอกพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ใน 4 เส้นทาง ทางถนนพระราม 2 เชื่อมต่อถนนกาญจนาภิเษก เริ่มจาก อ.เมือง จ.ราชบุรี แยกปากท่อ จ.สมุทรสงคราม จ.สมุทรสาคร ถนนกาญจนาภิเษก (ด่านทางด่วนศรีรัช) ถนนบรมราชชนนี จ.นครปฐม และวนกลับที่เดิม
นายสุขสันต์กล่าวว่า ปัจจุบันมีรถบรรทุกที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ประมาณ 1.4 ล้านคัน ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ทำให้ขณะนี้มีงานแค่ 30-40% เท่านั้น ขณะที่้ปัจจุบันราคาน้ำมันดีเซลสูงมาก ทำให้รถบรรทุกซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ในการขนส่งสินค้าทั่วประเทศ ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก จึงขอเรียกร้องดังนี้ 1.ให้ตรึงราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่ปรับสูตรใหม่ชนิด บี6 ในราคา 25 บาทต่อลิตร เป็นเวลา 1 ปี เริ่มวันที่ 11 ตุลาคมเป็นต้นไป 2.ลดภาษีสรรพสามิตลงลิตรละ 5 บาทต่อลิตร เป็นเวลา 1 ปี หรือนำเงินกองทุนพลังงานมารักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันให้อยู่ระดับ 25 บาทต่อลิตร และ 3.กำหนดผลิตภัณฑ์หรือชนิดน้ำมันดีเซลเป็นชนิด บี6 ชนิดเดียว เพื่อลดผลกระทบผู้บริโภค
ขู่หยุดวิ่งขนส่งสินค้า1แสนคัน
นายทองอยู่ คงขันธ์ ประธานที่ปรึกษาสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ผู้ประกอบการรถบรรทุกจำนวน 1,000 คัน ได้ร่วมกิจกรรม Truck Power ชุมนุมเรียกร้องให้รัฐเข้ามาตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ 25 บาทต่อลิตร เป็นระยะเวลา 1 ปี หากหลังวันที่ 31 ตุลาคม รัฐบาลยังไม่มีความคืบหน้าเรื่องดังกล่าว กลุ่มผู้ประกอบการรถบรรทุกจะหยุดการเดินรถร้อยละ 10 หรือประมาณ 1 แสนคัน จากจำนวนทั้งหมด 1 ล้านคัน และถ้ารัฐบาลยังนิ่งเฉยอีก สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยเตรียมยกระดับความเข้มข้นของมาตรการการชุมนุมเพิ่มขึ้น
หั่นราคาน้ำมัน-ลดแรงต้านม็อบ
รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังราคาน้ำมันขายปลีกหน้าสถานีบริการปรับขึ้นทุกชนิด 60 สตางค์ต่อลิตร (ยกเว้นดีเซลพรีเมียมขึ้น 60-80 สตางค์ต่อลิตร) มีผลวันที่ 19 ตุลาคม จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงการปรับขึ้นที่ค่อนข้างสูง ส่งผลต่อกระทบประชาชน ล่าสุดช่วงเที่ยงวันที่ 19 ตุลาคม พีทีที สเตชั่น และบางจาก ประกาศปรับลดราคาน้ำมันลง 20 สตางค์ต่อลิตร ยกเว้นอี85 และดีเซลพรีเมียมคงเดิม มีผลวันที่ 20 ตุลาคม จากปกติจะแจ้งเวลา 17.00 น. จึงเป็นที่น่าสังเกตว่าต้องการลดกระแสไม่พอใจจากประชาชน และแรงต้านจากกลุ่มรถบรรทุก
รายงานข่าวระบุว่า การปรับลด 20 สตางค์ต่อลิตร ส่งให้ผลให้ราคาขายปลีก เป็นดังนี้ น้ำมันเบนซิน 38.96 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 ราคา 31.55 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 ราคา 31.28 บาทต่อลิตร อี20 ราคา 30.04 บาทต่อลิตร อี85 ราคา 23.84 บาทต่อลิตร ดีเซลบี7 ราคา 29.29 บาทต่อลิตร ดีเซลบี10 ราคา 29.29 บาทต่อลิตร ดีเซลบี20 ราคา 29.04 บาทต่อลิตร ดีเซลพรีเมียมบี 7 (พีทีที สเตชั่น) ราคา 34.26 บาทต่อลิตร และไฮ พรีเมียม ดีเซล เอส บี7 ราคา 34.46 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกข้างต้นยังไม่รวมภาษีบำรุงกรุงเทพมหานคร
ครม.เคาะเพิ่มเงินคนละครึ่งเฟส3
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบวงเงิน 54,600 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการเพิ่มกำลังสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 3 คนละ 200 บาท ระยะเวลา 2 เดือน หรือเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2564 วงเงิน 8,122 ล้านบาท 2.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้กับผู้ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ เช่น ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน โดยเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คนละ 300 บาท ระยะเวลา 2 เดือน (พ.ย.-ธ.ค.64) วงเงิน 1,384 ล้านบาท 3.โครงการคนละครึ่งระยะที่ 3 เพิ่มเติม อีกคนละ 1,500 บาท ระยะเวลาโครงการ 2 เดือน (พ.ย.-ธ.ค.64) วงเงิน 42,000 ล้านบาท และ 4.โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ เป็นการเพิ่มวงเงินจาก 7,000 บาท เป็น 10,000 บาท วงเงิน 3,000 ล้านบาท
นายธนกรกล่าวว่า สำหรับมาตรการเยียวยาเติมเงินโครงการคนละครึ่งเฟส 3 จากเดิมเคยอนุมัติให้ 3,000 บาท อนุมัติให้อีก 1,500 บาท รวมเป็น 4,500 บาท โดยใช้งบประมาณ 42,000 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มโอนเงินต้นเดือนพฤศจิกายน จะสามารถใช้สิทธิได้เดือนพฤศจิกายนและธันวาคมนี้
‘บิ๊กตู่’ มอบก.ท่องเที่ยวจัดงานปีใหม่
ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นำนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการ ททท. นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และนางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อรับนโยบายการเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศโดยไม่ต้องกักตัว นอกจากนี้ นายกฯยังได้มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาถึงการจัดกิจกรรมในช่วงเทศกาลปีใหม่ในรูปแบบร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงการพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดคอนเสิร์ตโดยศิลปินไทย ศิลปินพื้นบ้านในพื้นที่ต่างๆ และกรุงเทพมหานคร เพื่อช่วยเหลือกลุ่มศิลปินที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศในช่วงสิ้นปี