รูปภาพปกจาก https://unsplash.comในปัจจุบันแสงสว่างนับว่าเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตประจำวันของเรา นอกจากนี้เรายังใช้เพื่อประดับตกแต่งให้เกิดความสวยงามในพื้นที่ต่าง ๆ ทำให้เกิดความโดดเด่นน่าสนใจ รวมถึงการนำแสงสว่างนี้ไปเป็นส่วนหนึ่งในแต่ละอาชีพ เพื่อก่อให้เกิดรายได้ต่าง ๆ เช่น การขายสินค้า กระบวนการผลิตต่าง ๆ ซึ่งเทคโนโลยีของหลอดไฟในปัจจุบันมีวิวัฒนาการอย่างรวดเร็วในการออกแบบและพัฒนา การเลือกใช้หลอดไฟมาใช้งานจึงมีความสำคัญตามไปด้วย โดยมีข้อมูลบางอย่างที่เป็นพื้นฐานและประโยชน์ในการเลือกใช้งานหลอดไฟของเรา เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและตรงความต้องการในการนำไปใช้งานมากที่สุดนั้นคือ ค่าความถูกต้องของสี (Color Rendering Index, CRI)1. ค่า CRI คืออะไรค่า CRI (Color Rendering Index, CRI) คือ ดัชนีสีที่ปรากฎ ซึ่งเป็นค่าที่บอกว่าแสงที่มาจากหลอดไฟนั้น เมื่อส่องไปยังวัตถุแล้วทำให้มองเห็นสีเหมือนธรรมชาติเป็นอย่างไร หรือให้ความถูกต้องของสีได้มาก - น้อยเพียงใด ซึ่งหลอดไฟแต่ละชนิดจะให้ค่า CRI ไม่เท่ากัน โดยการวัดค่านี้ จะเป็นการเปรียบเทียบการวัดจากแสงอาทิตย์ในช่วงเวลากลางวันที่มีค่า CRI = 100 หรือ 100% เพราะแสงอาทิตย์จะให้สเปกตรัมครบทุกสี ทำให้เรามองเห็นสีบนวัตถุไม่ผิดเพี้ยนรูปภาพจาก https://pixabay.com2. เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสีที่เรามองบนวัตถุนั้นจะไม่ผิดเพี้ยนเคยสงสัยกันไหมครับ ทำไมเวลาเราออกไปเดินเล่นตอนกลางวัน เสื้อผ้าของเราจะให้สีที่ถูกต้องที่สุด แต่เมื่อเรากลับเข้ามาที่ห้องแล้วเปิดไฟ หรือไปในสถานที่บางแห่ง พบว่าสีของเสื้อของเรานั้นมันดูแตกต่างไปจากเดิม นั่นเป็นเพราะว่าหลอดไฟที่ใช้มีค่า CRI ต่ำนั้นเอง โดยปกติการวัดค่า CRI จะมีค่า 0-100 เช่น แสงที่มี CRI = 60 หมายถึง เราจะเห็นความถูกต้องของสีที่แสงส่องลงบนวัตถุนั้นเพียง 60% เท่านั้น หรือพูดอีกอย่างว่า ยิ่งค่า CRI น้อยลงมากเท่าใด สีก็จะเพี้ยนมากขึ้นเท่านั้น โดยอ้างอิงจากแสงอาทิตย์ในเวลากลางวันแสงที่มีการวัดค่า CRI อยู่ในระว่าง 70 - 80 ถือว่าสามารถยอมรับได้ในการใช้งานส่วนใหญ่ แต่ถ้าหากเราต้องการค่าความถูกต้องของสีมากที่สุด อาจจะเลือกหลอดไฟที่มีการวัดค่า CRI ได้มากกว่า 90 - 100 ก็จะถือว่ามีความถูกต้องของสีสูงใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุดนั้นเองรูปภาพจาก https://pixabay.com3. ค่า CRI เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างรายได้ และเพิ่มประสิทธิภาพของงานได้ด้วยในปัจจุบันมีหลากหลายอาชีพที่จำเป็นต้องพึ่งแสงจากหลอดไฟ ซึ่งค่า CRI นี้ จะบ่งบอกได้ว่าสีของผลิตภัณฑ์ของเรานั้นมีความถูกต้องเพียงใด เราสามารถนำจุดเด่นบนผลิตภัณฑ์นั้นออกมาเพื่อสร้างความดึงดูดโดยผ่านการลงรายละเอียดของสีในงานนั้น ๆ หากเรายิ่งเลือกค่า CRI มาก ความถูกต้องก็จะมีมากขึ้นตามไปด้วย จึงเป็นการลดปัญหา ความเสียหาย หรือข้อผิดพลาดต่าง ๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่อาจเกิดตามมาได้ รูปภาพจาก https://pixabay.comดังนั้น เราจึงเห็นความสำคัญเกี่ยวกับค่า CRI ของหลอดไฟกันแล้วใช่ไหมครับ ว่ามีความสำคัญอย่างไรบ้างในการดำเนินชีวิตในแต่ละวันของเรา โดยค่าความถูกต้องของสีนี้จะมีผลต่อการมองเห็นเฉพาะงานที่จำเป็นต้องมีการคัดแยกสี เช่น งานเกี่ยวกับฟิล์มถ่ายภาพ งานรีวิวสินค้า ร้านขายเสื้อผ้า และอีกหลากหลายงาน ที่จำเป็นต้องมีการคัดแยกสีเพื่อสร้างความโดดเด่น ความถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ เพื่อนำมาสู่การสร้างรายได้ของเราอีกด้วย