เอนกเยี่ยมผู้ป่วยโควิด 2 ราย รพ.รามาฯ พบสบายดีไม่น่าห่วง
เอนกเยี่ยมผู้ป่วยโควิด 2 ราย รพ.รามาฯ พบสบายดีไม่น่าห่วง
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 20 สิงหาคม ศ.พิเศษ เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ลงพื้นที่ เตรียมความพร้อมในการรองรับสถานการณ์การติดเชื้อโรคโควิด-19 ณ สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยมีคณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ นำเยี่ยมชม
ภายหลังการตรวจเยี่ยม ศ.พิเศษ เอนก กล่าวว่า สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ หรือ วช. ได้ทำหน้าที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์ และการวิจัยและพัฒนา ที่เป็นหนึ่งในกำลังหลักของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ของประเทศ โดย อว.ได้บริหารจัดการงานวิจัยเพื่อให้ผลงานวิจัยนำไปใช้ได้จริง และทันต่อการแก้ไขปัญหา พร้อมขับเคลื่อนให้ประเทศเกิดการวิจัยเชิงรุก และส่งเสริมพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ที่เป็นผลงานของคนไทยสำหรับทดแทนเวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ขาดแคลน เช่น ชุดตรวจวินิจฉัยชนิดต่างๆ ที่ทันสมัย การวิจัยและพัฒนาวัคซีนเพื่อให้คนไทยได้มีวัคซีนใช้เป็นลำดับแรกๆ ของโลก รวมถึงการสนับสนุนข้อมูลวิชาการให้กับกระทรวง และหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อประกอบการกำหนดมาตรการในการดูแลและบริหารสถานการณ์ในประเทศให้สามารถควบคุมโรคโควิด-19 ได้เป็นอย่างดีในช่วงเวลาที่ผ่านมา
” เรื่องโควิดจะเป็นประเด็นสำคัญที่จะต้องอยู่กับเราอีกนาน เช่น เมื่อวานนี้ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้พบว่า มีผู้ที่เข้ามาตรวจร่างกาย 2 รายตรวจพบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด ซึ่งได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข โดยทำงานกันอย่างรวดเร็วมาก ซึ่งผู้ที่เข้าข่ายต้องสงสัยและต้องสอบสวนโรคนั้น หนึ่งรายมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นซากเชื้อโควิด-19 ส่วนอีกรายนั้นกำลังอยู่ระหว่างการตรวจยืนยัน ซึ่งทางคณะแพทยศาสตร์รามาฯ ก็จะให้ข้อมูลต่อไปโดยเร็ว ทั้งสองรายนี้ทางโรงพยาบาลรามาธิบดี ได้นำมากักตัว สังเกตอาการและติดตามผู้สัมผัสเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์แห่งนี้ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวง อว. ที่ได้รองรับผู้ป่วยโรคโควิด-19 จำนวนมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ผมเพิ่งได้เข้าเยี่ยมผู้สงสัยว่าติดเชื้อทั้งสองรายนี้ ซึ่งก็สบายดี ไม่มีอาการอะไร จะเชื่อมั่นความสามารถของแพทย์และพยาบาลไทย ซึ่งในขณะนี้เราได้ดูแลผู้ที่ติดเชื้อจนหายป่วยแล้วมากกว่า 3,000 คน แต่เพื่อความมั่นใจของทั้งสองรายนี้และของประชาชนทั่วไป เราก็จะดูแลเรื่องนี้อย่างละเอียด นอกจากนี้ผมยังได้เยี่ยมชมโรงพยาบาล ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวอย่างของศูนย์การแพทย์ที่มีอยู่ทั่วประเทศ และรู้สึกประทับใจมากที่ประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่มีความพร้อมในทุกด้าน มาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์ด้วย ขอให้ความมั่นใจว่าเรามีความพร้อมที่จะดูแลและบริหารจัดการสถานการณ์หากจะมีการระบาดในระยะต่อไป” รัฐมนตรีอว.กล่าว