สังคมในปัจจุบันนี้ได้มีจำนวนผู้ป่วยโรคซึมเศร้าเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ด้วยปัจจัยหลายอย่างที่เกิดขึ้นในสังคมที่ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกและจิตใจกับผู้คนบนโลกนี้โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องของเทคโนโลยี และอีกหลายสิ่งที่ทำให้จิตใจของมนุษย์ได้เสื่อมสภาพลงอย่างเห็นได้ชัด คนที่อยู่บนโลกใบนี้ล้วนแล้วแต่มีปัญหาเป็นของตัวเองทั้งสิ้น แต่ทุกคนมักมองว่าเรื่องของตนเองที่เจออยู่นั้นเป็นเรื่องที่ใหญ่หลวงมาก จนในบางครั้งกลับลืมมองถึงความรู้สึกของคนที่อยู่รอบ ๆ ตัว หรืออาจมองข้ามในความหวังดีของคนอื่น หรือบางคนกลับมีความคิดว่าเรื่องคนของอื่นเป็นเรื่องเล็กน้อยถ้าเทียบกับเรื่องของตนเองที่เคยเจอมา แต่ไม่ว่าปัญหาอะไรก็แล้วแต่จะเกิดขึ้นกับคุณแล้วคุณเกิดความรู้สึกท้อ เหนื่อย หมดกำลังใจ และไม่รู้จะหาทางออกกับปัญหาที่เจออย่างไร เพราะดูเหมือนพูดให้ใครฟังเขาก็มองว่าปัญหาของคุณไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร งั้นลองมาทำความรู้จักกับ 5 ทริคมองโลกอย่างเข้าใจ เพื่อที่คุณจะได้กำจัดความคิดในแง่ลบของตนเองที่กำลังมีอยู่ในตอนนี้ให้เบาบางลง และอาจจะทำให้คุณสามารถหาทางแก้ไขปัญหากับสิ่งที่พบเจอได้ง่ายมากขึ้น 3 ทริคมองโลกอย่างเข้าใจ กำลังความคิดในแง่ลบ 1. การไม่ใส่ใจกับสิ่งที่ไม่มีผลในการพัฒนาชีวิต ถ้าอธิบายเรื่องนี้ให้ได้เห็นภาพมากที่สุดคงหนี้ไม่พ้นในเรื่องของการโดนนินทา ไม่ว่าจะเป็นการโดนนินทาจากเพื่อน คนที่ทำงาน หรือจะกับคนแถวบ้านที่มักจะรู้เรื่องของคุณดีมากกว่าตัวของคุณเอง คุณอาจจะรู้สึกหงุดหงิดและอยากจะรู้ว่าพวกเขาไปเอาเรื่องราวเหล่านั้นมาพูดถึงได้อย่างไรทั้งที่มันอาจจะไม่ใช่ความจริงที่เกิดขึ้นเลยหากคุณกำลังรู้สึกไม่ดีกับการเจอเหตุการณ์เหล่านี้ ขอให้คุณหยุดความคิดและความรู้สึกที่ต้องใส่ใจ หรือให้ค่ากับคำพูดของคนเหล่านั้นเสีย เพราะคนที่เอาแต่นินทาว่าร้ายทั้งที่ไม่รู้ความจริงขอให้คุณอย่าได้ใส่ใจ เพราะพวกเขาไม่ได้หวังดีกับคุณอย่างแน่นอน เพราะถ้าเป็นคนที่หวังดีกับคุณจริง ๆ และในสิ่งที่คุณทำหากมันเป็นเรื่องที่ผิดหรือไม่ดี เขาจะเดินมาพูดกับคุณตรง ๆ มากกว่าการเก็บไปพูดคุยกันเอง ถึงแม้ว่ามันอาจจะทำให้ช่วงแรกคุณรู้สึกรำคาญอยู่บ้างกับสิ่งเหล่านี้ แต่ขอให้คุณเริ่มค่อย ๆ ปล่อยวางและทำความเข้าใจว่าคนเรานั้นเกิดมาในครอบครัวที่แตกต่างกัน การที่เขามองคุณแบบนั้น ว่าร้ายคุณแบบนี้เขาอาจจะมีปมบางอย่างที่ทำให้เขาต้องแสดงกริยาแบบนี้ออกมา หากว่าสิ่งเหล่านี้มันไม่ได้เป็นผลดีต่อคุณ คุณควรเลือกที่จะปล่อยให้เขาพูดไปตามที่เขาต้องการ เพราะถ้าคุณไม่เอาคำพูดของเขามาใส่ใจก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรคุณได้ ตราบใดที่คุณไม่ได้เดือดร้อนต้องขอความช่วยเหลือจากเขาก็อย่าได้กังวลที่จะเมินเฉยเพื่อความสบายใจต่อตัวคุณเอง เพราะต่อให้คุณอธิบายไปมันก็จะเสียเวลาคุณโดยเปล่าประโยชน์ เพราะเขาได้ตัดสินไปแล้วว่าคุณนั้นเป็นอย่างไร 2. ไม่นำคำติมาเป็นพลังบั่นทอน หากว่าตอนนี้คุณกำลังน้อยใจหรือรู้สึกท้อแท้กับสิ่งที่ทำอยู่ เพราะเพิ่งโดนติในเรื่องของงาน เรื่องของการเรียน หรือเรื่องของพฤติกรรมก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนก็ตามขอให้คุณอย่าเอาเรื่องเหล่านี้มาบั่นทอนจิตใจของคุณเองเลย เพราะถ้าหากว่าคำติเหล่านั้นเป็นความจริงและเป็นสิ่งที่ถ้าคุณลองคิดและทำตาม สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้ชีวิตของคุณดีขึ้นจริง คุณควรเริ่มต้นทำตอนนี้ทันทีคำตินั้นมีอยู่ประเภท ประเภทแรกคือคำติที่หวังจะให้เกิดการพัฒนาไปในทางที่ดีมากขึ้น ส่วนประเภทที่สองคำติเพื่อให้คุณรู้สึกแย่กับสิ่งที่เป็นอยู่ ทำให้คุณบั่นทอนและขาดความมั่นใจหากว่าคุณเจอคำติประเภทแรกคุณจงขอบคุณเขา เพราะเขาหวังดีถึงได้ติเพื่อให้เกิดการแก้ไขไปในทางที่ดีกับคุณมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงานที่เกิดความผิดพลาด เจ้านายติเพื่อให้คุณรู้ว่าคุณยังขาดอะไรจากงานนี้ และควรเพิ่มอะไรเข้าไปถึงงานออกมาดีที่สุด หรือจะเป็นเด็กในวัยเรียนที่อาจจะโดนตักเตือนในเรื่องของการแต่งตัวที่โรงเรียน ซึ่งอย่าเพิ่งมองว่าผู้ใหญ่หัวโบราณด้วยอคติ แต่ให้มองว่าการแต่งตัวควรให้เกียรติสถานที่ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรหากว่าจะเปลี่ยนการแต่งตัวให้อยู่ในระเบียบของโรงเรียนในแบบที่ควรจะเป็นแต่ถ้าหากว่าคุณกำลังเจอกับการติประเภทที่สอง แนะนำว่าคุณจงยิ้มให้กับเขา และไม่ต้องใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้ การยิ้มและเลือกที่จะปล่อยผ่านจะเป็นการทำให้เขารู้ตัวว่า สิ่งที่เขาทำลงไปนั้นไม่สามารถส่งผลอะไรกับคุณได้เลย และคนที่จะรู้สึกแย่กับเรื่องราวเหล่านี้จะเป็นเขาไม่ใช่คุณอีกต่อไป 3. ทุกคนมีค่า หากคุณกำลังรู้สึกว่าตนเองนั้นไร้ค่า ทำอะไรก็ไม่เคยที่จะประสบความสำเร็จ ชีวิตมีแต่ความล้มเหลวไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม หากคุณกำลังรู้สึกแบบนั้นคุณลองคิดใหม่อีกครั้งว่า คุณไม่มีค่า หรือคุณกำลังลดคุณค่าของตนเองเพราะเอาตัวเองไปเทียบกับคนอื่นคนทุกคนเกิดมาล้วนมีค่าในตัวเองทั้งสิ้น ไม่มีใครที่เก่งที่สุดในโลก ดีที่สุดในโลกแบบไม่เคยทำอะไรผิด และไม่มีใครที่ไม่เคยผิดพลาด หากว่าคุณรู้ว่าตัวเองผิดพลาดสิ่งที่ควรทำไม่ใช่การว่าตัวเอง แต่เป็นการหาสิ่งที่ทำให้ตัวเองมีคุณค่าในแบบที่คนอื่นไม่สามารถทำเหมือนคุณได้ คุณลองมองย้อนกลับไปในอดีตของคุณก็ได้ไม่ว่าสิ่งเหล่านั้นจะมีความสุขหรือความทุกข์ก็ตาม หากเป็นความสุขจงมองว่าทำไมตอนนั้นถึงมีความสุขเพราะอะไร แต่ถ้าเป็นความทุกข์ให้มองดูตัวเองในตอนนี้ว่า คุณสามารถผ่านเรื่องราวแย่ ๆ เหล่านั้นมาได้อย่างไร ทั้งที่ตอนนั้นรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องใหญ่มาก แน่นอนว่าในตอนนี้ต่อให้คุณเจอกับปัญหาอะไรก็ตามคุณสามารถผ่านมันไปได้อย่างแน่นอน สิ่งที่มีค่ามากที่สุดก็คือชีวิตของตัวคุณเอง คุณไม่สามารถพึ่งพาอะไรได้แต่อย่าลืมว่า ทุกอย่างดำเนินไปด้วยการใช้ชีวิตของคุณอยู่ทุกวันและคุณก็ยังมีลมหายใจ อยู่รอดปลอดภัยมาจนทุกวันนี้ ลองให้อภัยตัวเองกับความผิดพลาดและเริ่มต้นใหม่ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตาม ตราบใดที่คุณยังมีลมหายใจนั้นแหละคุณค่าที่คุณมีอยู่กับตัวของคุณ ทั้ง 3 ทริคจะทำให้คุณมีมุมมองและภูมิต้านทานในเรื่องของจิตใจได้มากยิ่งขึ้น เพราะเป็นการมองโลกด้วยความเป็นจริง หากคุณลองนำทั้ง 3 ทริคนี้ไปลองปรับใช้อาจจะทำให้คุณได้พบถึงทางออกของปัญหาต่าง ๆ ที่คุณอาจจะเกิดความรู้สึกในแง่ลบหรือความกังวลใจ การเปลี่ยนความคิดและการเลือกที่จะมองในด้านที่ดีส่งผลต่อจิตใจได้ดีเสมอ แน่นอนว่าทุกอย่างมีสองด้านหากมองด้านไหนแล้วเป็นความทุกข์และไม่เกิดการพัฒนาการปล่อยวางเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ถ้าสิ่งไหนที่สามารถพัฒนาและช่วยให้ชีวิตของคุณเดินไปทางที่ดีได้จงอย่าหยุดที่จะทำ เพราะสิ่งเหล่านี้ส่งผลดีต่อคุณในอนาคตได้อย่างแน่นอน รูปปกพื้นหลัง โดย Julia Avamotive จาก Canvaภาพประกอบ 1 โดย StockSnap จาก pixabayภาพประกอบ 2 โดย 448271 จาก pixabayภาพประกอบ 3 โดย DarkManth จาก pixabayภาพประกอบ 4 โดย Graehawk จาก pixabayภาพประกอบ 5 โดย AbsolutVision จาก pixabayเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !