เทคโนโลยีไม่เคยรอใคร — โดยเฉพาะ AI (Artificial Intelligence) ที่ไม่ได้มาแค่เป็น “เครื่องมือ” แต่กำลังกลายเป็น “ผู้เล่นคนใหม่” ในโลกของการทำงาน ยิ่งช่วงหลังมานี้ เราเริ่มเห็นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ว่า AI ไม่ได้อยู่แค่ในวงการเทคโนโลยีอีกต่อไป แต่มันแทรกตัวเข้าไปในแทบทุกอุตสาหกรรม ทั้งการเงิน การแพทย์ การศึกษา โลจิสติกส์ งานเอกสาร งานสร้างสรรค์ ไปจนถึงงานขายและบริการ สิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่แค่ว่า AI ทำงานแทนมนุษย์ได้เร็วขึ้น ถูกลง และแม่นยำกว่า แต่คือมัน “เรียนรู้ได้ตลอดเวลา” ขณะที่มนุษย์จำนวนมากยังใช้ระบบความคิดเดิมๆ เหมือนอยู่ในยุคก่อนอินเทอร์เน็ต แล้วเราจะเอาตัวรอดจากการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ยังไง? ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า AI ไม่ได้แย่งงานทุกคน แต่กำลังแย่งงาน “บางคน” ที่ไม่ยอมปรับตัว แทนที่จะกลัวว่า AI จะมาแทนที่เรา ลองกลับมามองให้ชัดว่า เรากำลังทำงานแบบไหน ถ้าคุณทำงานซ้ำๆ ตามขั้นตอน ถ้าคุณต้องใช้เวลา 3 ชั่วโมงทำเอกสารที่ AI ทำได้ใน 3 นาที ถ้าคุณใช้ความรู้แบบเดิมมาตลอด 5 ปีโดยไม่เคยอัปเดตอะไรเลย คุณกำลังตกอยู่ใน “ความเสี่ยง” เปลี่ยน “ความกลัว” ให้กลายเป็น “พลังการเรียนรู้” สิ่งที่มนุษย์มีแต่ AI ยังไม่มี (หรืออาจไม่มีเลย) คือ ความคิดสร้างสรรค์ที่เชื่อมโยงกับอารมณ์ การเข้าใจคนอื่นในระดับลึก เช่น ความเห็นใจ ความรู้สึกผิดชอบ การตั้งคำถามใหม่ๆ ที่ไม่ได้มาจากข้อมูลเดิม ดังนั้น หนทางรอดคือ การเปลี่ยนจากคนทำงานที่ “ทำตามคำสั่ง” มาเป็นคนที่ “เข้าใจและใช้เครื่องมือ” ให้เป็น เช่น: เรียนรู้การใช้ AI เช่น ChatGPT, Midjourney, Notion AI, หรือ Copilot เข้าใจว่า AI ทำงานยังไง เพื่อจะรู้จุดอ่อนและจุดแข็งของมัน ฝึกวางแผน วิเคราะห์ และตั้งคำถามที่ AI ช่วยตอบได้ แต่คุณเป็นคนคิดนำ ตัวอย่างการใช้ AI เพื่อเสริม ไม่ใช่แย่ง นักการตลาดใช้ AI วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าและสร้างแคมเปญที่แม่นขึ้น นักเขียนใช้ AI สร้างโครงร่างหรือช่วยตรวจแกรมมาร์ แต่ยังคงใช้ “น้ำเสียง” ของตัวเอง นักออกแบบใช้ AI สร้างต้นแบบเร็วขึ้น เพื่อมีเวลาคิดไอเดียสร้างสรรค์มากขึ้น ฟรีแลนซ์ใช้ AI จัดตาราง ส่งใบเสนอราคา ตอบอีเมลอัตโนมัติ ประหยัดเวลาขั้นตอนเล็กๆ สิ่งสำคัญคือเรา ไม่ใช่แค่ "ทำให้เหมือนเดิมด้วย AI" แต่ต้อง "ทำสิ่งใหม่ๆ ที่มี AI เป็นพาร์ตเนอร์" ถ้าเรายังนิ่งอยู่แบบเดิม สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ… งานที่เราทำจะมีคนอื่น (หรือ AI) ทำได้เร็วกว่า ถูกกว่า เราจะเริ่มโดนลดบทบาทในองค์กร หรือกลายเป็นคนที่ “แทนได้ง่าย” โอกาสใหม่ๆ จะไปตกอยู่กับคนที่พร้อมเรียนรู้และปรับตัวก่อนเสมอ โลกยุคใหม่ไม่ใช่สนามแข่งของคนเก่งที่สุด แต่อาจเป็นของคนที่ “ยืดหยุ่นและเรียนรู้ได้เร็วที่สุด” สรุปส่งท้าย AI ไม่ได้มาเพื่อทำลายมนุษย์ แต่มนุษย์ที่ปฏิเสธจะเปลี่ยนต่างหาก… ที่ทำลายโอกาสของตัวเองในระยะยาว ถ้าเรายอมเปิดใจให้กว้างกว่าเดิม มองว่า AI คือเครื่องมือ ไม่ใช่คู่แข่ง แล้วลงมือเรียนรู้แม้จะยังไม่เก่ง เราจะไม่แค่เอาตัวรอด แต่จะอยู่เหนือการเปลี่ยนแปลงได้ด้วยความเข้าใจและทักษะที่ปรับตามโลกได้ทัน อย่ากลัวว่า AI จะแทนที่คุณ… แต่จงกลัวว่าคุณจะยืนยันทำแบบเดิมๆ จนโลกไม่ต้องการคุณต่างหาก credit ภาพปก: Steve Johnson/unsplash credit 1 : Tran Mau Tri Tam/unsplash credit 2 : Saradasish Pradhan/unsplash credit 3 : Lukas/unsplash credit 4 : Francisco De Legarreta C./unsplash เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !