สายพันธุ์อินเดีย เพิ่มเป็น 62 ราย ยันตรวจโพรงจมูกได้ ขอ 3 จว.ใต้หยุดเดินทาง

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ชี้แจง ประเด็นการพบการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส โควิด -19 เผยแคมป์หลักสี่ เจอสายพันธุ์อินเดีย 62 รายแล้ว ได้เชื้อจากโพรงจมูก

เมื่อวันที่ 25 พ.ค. นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวในรายการ NBT รวมใจ ถ่ายทอดสดจากทำเนียบรัฐบาล ถึงประเด็นการตรวจการกลายพันธุ์ว่า ขณะนี้มี 6 สายที่ทั่วโลกกังวล คือ สายพันธุ์อังกฤษ แอฟฟริกาใต้ บราซิล อินเดีย และสายพันธุ์แคลิฟอร์เนีย ต้องช่วยกันเฝ้าระวัง สำหรับการตรวจหาเชื้อที่เป็นมาตรฐานคือ RT-PCR เก็บสิ่งส่งตรวจในโพรงจมูก ซึ่งจะใช้เวลา 3-4 ชั่วโมงก็จะทราบผล แต่จะไม่สามารถระบุสายพันธุ์ได้

หากอยากทราบก็ต้องตรวจพิเศษด้วยวิธี 1.ใช้น้ำยาเฉพาะต่อสายพันธุ์นั้นๆ 2.การตรวจท่อนของไวรัส (Targeted Sequencing) ซึ่งใช้เวลา 1-2 วัน และ 3.การตรวจจีโนมไวรัสทั้งตัว จะใช้เวลา 3-5 วัน ซึ่งกรมวิทยฯ ก็ดำเนินการร่วมกับเครือในประเทศไทย ทั้งโรงพยาบาล (รพ.) จุฬาลงกรณ์ รพ.รามาธิบดี เพื่อให้ทราบที่มาของไวรัสเชิงสายสัมพันธ์ ว่ามาจากไหนโดยเทียบกับแล็ปทั่วโลก

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า สำหรับสายพันธุ์อินเดียที่พบสัปดาห์ที่แล้วใน 36 รายในแคมป์ก่อสร้างที่หลักสี่ ขณะนี้เราพบเพิ่มเป็น 62 ราย โดยสายพันธุ์นี้แพร่กระจายเชื้อได้เร็ว พอกับสายพันธุ์อังกฤษ ความรุนแรงแม้ข้อมูลยังไม่มากแต่คาดว่าไม่แตกต่างกัน ส่วนวัคซีนป้องกันก็ยังใช้ได้ ส่วนที่บอกว่าสายพันธุ์อินเดีย ตรวจหาเชื้อด้วยวิธีการแยงโพรงจมูกไม่ได้ ก็ต้องอธิบายว่า 62 รายที่เราตรวจเจอก็ด้วยวิธีการแยงจมูกทั้งสิ้น หากใครบอกอะไรก็ต้องฟังหูไว้หู ฉะนั้น เรายืนยันว่าไม่ได้หลบหายไปไหน และความหนักหน่วงก็ไม่ได้มาก เพราะผู้ป่วย 62 ราย อัตราป่วยหนักก็ไม่ต่างกับสายพันธุ์อังกฤษทั่วไป

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า สำหรับสายพันธุ์แอฟฟริกาใต้ที่เราพบเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เริ่มจาก 3 รายแรก จากนั้นเราขอให้พื้นที่ส่งตัวอย่างมาเพิ่มอีก ก็พบว่ามีอีก 8 รายแต่ยังอยู่ใน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ก็สรุปได้ว่า สายกลายพันธุ์แอฟฟริกาใต้ยังอยู่ในอ.ตากใบ แต่ได้ขอตัวอย่างเชื้อเพิ่มอีกใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จ.พัทลุง เพื่อหาว่าเชื้อไปไหนบ้างแล้วหรือยัง ซึ่งขอให้ประชาชนช่วยกัน อย่าเดินทางไปไหน เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาของสายพันธุ์แอฟฟริกาใต้

ข้อมูลในประเทศไทยยังไม่มากพอ ที่จะระบุว่าสายพันธุ์นี้มีความรุนแรงอย่างไร แต่มีงานวิจัยในที่อื่นพบว่า มีความรุนแรงมากขึ้นแต่ขึ้นอยู่กับแต่ละกรณี เราจึงต้องเฝ้าระวังต่อไป สายพันธุ์แอฟฟริกาใต้มีอิทธิฤทธิ์มากกว่า 2 ตัวแรกคือสายพันธุ์อังกฤษและอินเดีย เพราะมันมีความรุนแรงมากขึ้น ภูมิคุ้มกันเดิมที่เคยมีต่อเชื้อโควิด-19 ไม่สามารถป้องกันสายพันธุ์แอฟฟริกาใต้ได้มากนัก นำไปสู่การฉีดวัคซีน แล้วมีภูมิขึ้นฯ ก็จะจัดการสายพันธุ์แอฟฟริกาใต้ได้ลดลง เป็นเรื่องที่กังวลว่า วัคซีนจะไม่สามารถจัดการกับมันได้มากเท่าเดิม