สวัสดีเพื่อน ๆ ทุกคน ที่อยู่ในวงการมนุษย์เงินเดือน ที่กำลังจะเข้าสู่วงการครับ ผู้เขียนอยู่ในวงการนี้มาร่วมสิบปี มีเรื่องที่อยากจะแชร์กับเพื่อน ๆ ทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดี เรื่องที่ควรทำ ไม่ควรทำ ในการเป็นมนุษย์เงินเดือน โดยในบทความนี้ ผู้เขียนอยากนำเสนอหัวข้อที่ว่า “รู้อย่างนี้ตั้งใจเรียนซะก็ดี” เชื่อว่าไม่ได้มีแค่ตัวผู้เขียน เพื่อน ๆ อีกหลายคน คงเคยบ่นด้วยประโยคดังกล่าว “รู้อย่างนี้ตั้งใจเรียนซะก็ดี” “เอ๊ะ ปัญหานี้แก้ยังใง”, “อันนี้เหมือนเคยเรียนมาเลย” แต่ความหมายที่ผู้เขียนจะสื่อไม่ได้หมายความว่า เพราะไม่ตั้งใจเรียนเราจึงทำงานไม่ได้หรือแก้ปัญหาไม่ได้ แต่จะสื่อถึงว่า การตั้งใจเรียน และการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ นั้นมีประโยชน์อย่างไร มาดูกันครับ1. วิชาหลัก และ วิชาบังคับ ตามสาขาที่เรียน จบคหกรรมต้องทำอาหารเป็น จบครุศาสตร์ต้องสอนเด็กเป็น 2 ประโยคดังกล่าวคงไม่เกินจริง เพราะว่าในความเป็นจริงแล้ว เราเรียนอะไรกันมา ไม่ว่าจะทำงานตรงสาย หรือ ไม่ตรงสาย ความรู้ที่ติดตัวมา ต้องได้ใช้แน่นอน ไม่มากก็น้อย ขอยกตัวอย่าง เช่น ผู้เขียนทำงานเกี่ยวกับ Material handing ซึ่งไม่ตรงสายที่เรียนมา สูตรง่าย ๆ อย่าง 2πR หรือ สูตรความยาวของเส้นรอบวง ที่ใคร ๆ ก็พูดว่าเรียนไปทำไมไม่เห็นได้ใช้ ผู้เขียนใช้แทบทุกวันของการทำงาน เพราะต้องใช้สูตรนี้ในการคำนวณหาความยาวเส้นรอบวงของลูกกลิ้ง (roller) หรือ เพื่อนของผู้เขียนที่เคยทำงานให้ร้านขายยาแห่งหนึ่งเรียนจบสาขาสถิติประยุกต์ ก็ใช้ความรู้ด้านสถิติในการคำนวณว่าควรจัดชั้นวางสินค้าอย่างไรจึงจะำให้สินค้านั้นขายดี เป็นต้น2. ภาษาอังกฤษ อันที่จริงตั้งแต่ตอนเรียน ตำราบางวิชายังเป็นภาษาอังกฤษเลย ที่ภาษาอังกฤษสำคัญเพราะ ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นองค์กรเล็ก หรือองค์กรใหญ่ การติดต่อประสานงาน การทำเอกสาร หรือการนำเสนอต่าง ๆ แต่ละองค์กรได้มีการใช้ความรู้ในภาษาอังกฤษ มาเพื่อพัฒนาองค์กรให้มีความเป็นสากลมากขึ้น บางองค์กรเป็นบริษัทข้ามชาติ การที่คนไทยอย่างเรา จะติดต่อสื่อสารกับชาวต่างชาติได้ อย่างน้อยก็ต้องมีพื้นฐานภาษาอังกฤษ การมีพื้นฐานภาษาอังกฤษที่ดี เพื่อน ๆ อาจได้รับการพิจารณาเข้าทำงานเป็นพิเศษก็เป็นได้ บางบริษัทอาจต้องการมากว่าภาษาอังกฤษ เช่น ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น เป็นต้น3. ฝึกงาน ผู้เขียนเป็นคนหนึ่งที่ทำงานไม่ตรงสายที่เรียนมา ผู้เขียนเรียนสาขาที่เรียกสั้น ๆ ว่าช่างแอร์ จนถึงวันหนึ่งเมื่อเรียนปี 3 ผู้เขียนได้ไปฝึกงานที่สถานประกอบการแห่งหนึ่งที่จังหวัดสงขลา ตลอดเวลาประมาณ 2 เดือน ไม่เคยได้นั่งออฟฟิศ ออกภาคสนามตลอด เหนื่อยมาก ทั้งติดตั้งแอร์ ล้างแอร์ และทำทุกงานที่เกี่ยวกับแอร์ บ่นว่าเหนื่อยทุกวัน แต่พอผ่านช่วงนั้นมาได้ แต่ผลลัพท์ที่ได้คือ ผู้เขียนเข้าใจว่างานในระดับพื้นฐานของสายงานนี้คืออะไร มีความยากง่ายอย่างไร และต้องเตรียมตัวในการทำงานแต่ละวันอย่างไร ต้องใช้เครื่องมืออะไร ถึงแม้จะไม่ได้ทำงานสายงานนี้ต่อ แต่ความรู้เหล่านั้นผู้เขียนก็จดจำและนำมาประยุกต์ใช้ในงานจนถึงทุกวันนี้ แล้วถ้าเป็นสาขาวิชาอื่นหล่ะ เช่น พยาบาล หรือ หมอ ผู้เขียนคิดว่า อะไรที่เขาเหล่านั้นฝึกงานมาช่วงที่เป็น หมอฝึกหัด หรือ พยาบาลฝึกหัด ตอนทำงานจริง ก็คงได้ใช้แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการฉีดยา การดูแลผู้ป่วย เขาเก่งกว่าเราแน่นอน4. การทำโปรเจ็คต์ การทำโปรเจ็คต์ ก็คือการจำลองให้นักศึกษาได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาตลอด 3-4 ปีนั้น สร้างผลงาน โดยจำลองสถานการณ์ ของการได้รับคำสั่งจากหัวหน้า ให้ดำเนินการทำงานชิ้นหนึ่ง ตามคำสั่ง โดยอาจจะมีคำแนะนำ มีหัวข้อให้ หรืออาจจะไม่มีหัวข้อ แต่ต้องคิดหัวข้อ ให้ตอบสนองกับงานของแผนก หรือนโยบายของบริษัท ซึ่งในที่นี้กคือให้สอดคล้องกับสาขาวิชาที่เรียน โดยมีอาจารย์ที่ปรึกษา เป็นประหนึ่งหัวหน้างาน ที่จะคอยแนะนำ และตรวจสอบโปรเจ็คต์ ทุกคนจะได้ฝึก การทำงานเป็นกลุ่ม การศึกษาหาข้อมูลด้วยตัวเอง การได้ลงมือทำเอง การได้นำเสนอเอง ต่อหน้าที่ปรึกษา ซึ่งในชีวิตการทำงาน เราทุกคนจะวนเวียนอยู่กับกิจกรรมเหล่านี้ ไม่มากก็น้อยแล้วแต่สายงาน และอย่างน้อยที่สุด ผู้ที่ได้ลงมือทำเอกสารนำเสนอเอง ผู้เขียนคิดว่าอย่างน้อยคุณต้องได้ทักษะในการทำงานเอกสาร โดย Microsoft Office อย่างแน่นอน5. การเข้าร่วมกิจกรรมชมรม ผู้เขียนเคยคิดว่า กิจกรรมชมรมเป็นเรื่องไร้สาระ ทำไปเพื่อฆ่าเวลา จนวันที่ผู้เขียน ได้ลองเข้าไปทำกิจกรรมกับชมรม อาสาพัฒนา เมื่อผู้เขียนลองพิจารณาดูจึงพบว่า นี่เป็นอีกกิจกรรมที่ทุกคนไม่ควรพลาด เพราะจะเป็นโอกาศให้ทุกคน ได้ลองทำงานกลุ่มกับคนอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนในกลุ่มเดิม ได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำ ได้บำเพ็ญประโยชน์ ได้แม้กระทั่งได้สร้างอาคารสาธารณะประโยชน์สักหลัง สถานการณ์จะคล้ายการทำโครงการ แต่คนเยอะกว่า ปัญหาเยอะกว่า ปัญหามาทุกรูปแบบ แต่ใจความสำคัญของกิจกรรมเหล่านี้ก็คือ การทำงานร่วมกับคนที่ไม่ใช่เพื่อนที่เราเจอทุกวัน ปัญหาที่แปลกใหม่ การรับฟัง การฝึกความอดทนอดกลั้น และ การร่วมมือกันทำงานนั้นจนสำเร็จลุล่วง เปรียบเสมือนการทำงานกับทีมงานหลายฝ่าย ที่มีความรู้ต่างกัน แต่มีเป้าหมายเดียวกันคือความสำเร็จของงาน6. ทักษะที่ได้มาระหว่างเรียน ความสามารถพิเศษหรือทักษะที่จำเป็นต้องมีในบางสาขาวิชา มันถูกแทรกเข้ามาตอนที่เราเรียนโดยที่เราก็ไม่รู้มาก่อนว่า เรียนจบไปแล้วต้องได้ใช้ เช่น วิศวกร ต้องเรียนวิชาเขียนแบบวิศวกรรม สมัยก่อนอาจเขียนในกระดาษ แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ปัจจุบันจึงใช้โปรแกรม Autocad ในการเขียนแบบ จะเห็นได้จากการรับสมัครงานของสายงานวิศวกรรม ส่วนใหญ่จะพิจารณาเป็นพิเศษหากผู้นั้นมีทักษะ ในการใช้โปรแกรม หรือ วิศกรไฟฟ้า ปัจจุบัน Trend ของ Automation system หรือ ระบบอัตโนมัติ เป็นแนวโน้มของอนาคต หากคุณเขียน PLC (Programmable logic Control) ได้ ก็จะได้รับพิจารณาเป็นพิเศษ เป็นต้น จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าการเรียนวิชาหลัก วิชารอง หรือกิจกรรมต่างๆ ที่เราได้สัมผัสมาในช่วงที่เรียน ไม่ว่าจะช่วง มัธยม ปวช. ปวส. หรือ ช่วงเรียนมหาวิทยาลัย ทักษะต่างๆ เหล่านั้น ได้ถูกสอดแทรกมาอย่างแยบยล โดยเราเองที่เป็นผู้เรียน อาจจะไม่ทราบด้วยซ้ำว่า เราได้ทักษะความรู้เหล่านั้น มาได้อย่างไร และถึงแม้ว่าผู้เขียนและเพื่อน ๆ ผ่านช่วงเวลาการเรียนมาแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าโอกาศในการเรียนรู้หมดลง ทุกคนสามารถที่จะเรียนรู้ได้ตลอดเวลา อย่าปิดกั้นโอกาศในการเรียนรู้ครับ อยากเรียนอะไร ก็สามารถหาได้จาก internet คอร์สเรียนที่มีทั้งฟรีและไม่ฟรี หาความรู้มาประดับสมองกันครับ เพื่ออนาคตที่สดใสของทุกคน สวัสดีครับCredit: บทความ และ ภาพทั้งหมดโดย SakdaPP เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !