Non-Bank ยังอยู่ในวัฏจักรขึ้นๆ ลงๆ เน้น Trading บล.เคจีไอชอบ SAWAD-TIDLOR

#TIDLOR #ทันหุ้น - บล.เคจีไอคงมุมมองเป็นกลางต่อหุ้นกลุ่มการเงินรายย่อย ระบุว่ากลุ่ม Non-bank จะยังคงเผชิญกับความท้าทายจากความไม่แน่นอนในหลาย ๆ ด้าน ได้แก่ ความสามารถในการเพิ่มผลตอบแทนสินเชื่อ (loan yield) เพื่อชดเชยต้นทุนการเงินที่สูงขึ้นในอัตราเร่ง, ความสามารถในการลด NPL และ ค่าใช้จ่ายสำรอง (credit cost) ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง และภาระหนี้ของครัวเรือนที่ตึงตัวที่กระทบความสามารถชำระหนี้ ความสามารถในรีไฟแนนซ์ ท่ามกลางภาวะที่นักลงทุนกลัวการผิดนัดหุ้นกู้ ดังนั้น บล.เคจีไอจึงยังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มนี้ที่ Neutral และเน้น Trading เป็นรายตัวเมื่อราคาหุ้นกดต่ำลง
บล.เคจีไอระบุว่าเป็นห่วง MTC มากที่สุดเพราะ D/E ค่อนข้างตึง ในขณะที่มีวงเงิน (credit line) สินเชื่อธนาคารต่ำ รองลงมาคือ KTC และ SAWAD เนื่องจาก NPL และ credit cost จะยังสูงต่อเนื่องไปอีกสองไตรมาส บล.เคจีไอชอบ TIDLOR ในแง่ของผลการดำเนินงานที่ทรงตัว รวมถึงคุณภาพสินทรัพย์ และ credit cost ที่นิ่ง ในขณะที่แนะนำซื้อเก็งกำไร SAWAD เพราะราคาหุ้นถูก
ผลประกอบการ 3Q66 และ 9M66 - ขยายสินเชื่อ ในขณะที่ credit cost สูง
กำไรรวมของกลุ่ม Non-bank (ไม่รวม AEONTS) เพิ่มขึ้น 9% QoQ และ YoY ใน 3Q66 และ 2% ในงวด 9M66 โดยกำไรของ SAWAD เพิ่มขึ้นมากที่สุดใน 3Q66 ที่ 21% QoQ และ 17% YoY รองลงมาคือ TIDLOR ที่เพิ่มขึ้น 9% QoQ และ 12% YoY ทั้งนี้ แนวโน้มการดำเนินงานที่สำคัญได้แก่ 1) สินเชื่อของทุกบริษัทขยายตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งที่ 5% QoQ และ 23% YoY 2) margin ลดลงเล็กน้อยเพราะ yield สินเชื่อที่ขยับขึ้นเล็กน้อยช่วยชดเชยต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มในอัตราที่เร็วกว่า 3) NPL ทรงตัว ในขณะที่ยังคง credit cost ไว้ที่ระดับสูงเช่นเดียวกับสามไตรมาสที่ผ่านมา พร้อมกับมีการเร่ง write-off หนี้เสีย ทั้งนี้ หากไม่รวม credit cost กำไรก่อนกันสำรอง (PPOP) จะเพิ่มขึ้น 6% QoQ และ 18% YoY ใน 3Q66 และเพิ่มขึ้น 26% ในงวด 9M66
NPL ใหม่ทรงตัว และ เร่ง write-offหนี้เสียเพื่อลด NPL ใน 3Q66
NPL ของ KTC และ SAWAD เร่งตัวขึ้นใน 3Q66 และบริษัทคาดว่า NPL น่าจะลดลงในอีกสองไตรมาสข้างหน้า โดยในส่วนของ KTC การที่ NPL ขยับเพิ่มขึ้นมาจากธุรกิจใหม่ (สินเชื่อจำนำทะเบียน และลิสซิ่ง) ซึ่งบริษัทพยายามเข้าไปทำตลาด เช่นเดียวกับ SAWAD ที่เผชิญกับ NPL ที่สูงขึ้น และผลขาดทุนจากการขายรถมอเตอร์ไซค์ที่ยึดมาจากลูกค้ากลุ่มสินเชื่อ H/P ในขณะเดียวกัน TIDLOR และ MTC ก็ใช้ความพยายามมากขึ้นในการรักษาระดับ NPL จากการ write-off หนี้เสียเพิ่มขึ้นใน 3Q66 และมีแนวโน้มจะต่อเนื่องใน 4Q66 ดังนั้น เราจึงใช้สมมติฐานว่า credit cost จะทรงตัวในระดับสูงไปจนถึงสิ้นปีนี้
ยังอยู่ในวัฏจักรขึ้นๆ ลงๆ เน้น Trading
หุ้นกลุ่มนอนแบงก์ได้อยู่ในวัฎจักรขึ้นๆ ลงๆ มาหลายปีตามการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ของทางการ, อัตราดอกเบี้ยขาขึ้น, และวัฏจักรคุณภาพสินทรัพย์ ส่วนในปัจจุบัน จากผลประกอบการ 3Q66ที่ออกมาชี้ว่าคุณภาพสินทรัพย์เริ่มทรงตัว แต่ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายสำรองหนี้เสียในระดับที่สูงเพื่อจัดการกับการตัดหนี้สูญออกจากบัญชี ซึ่งสถานการณ์นี้คาดว่าจะมีอยู่ต่อเนื่องถึงปีหน้า และทำให้บริษัทนอนแบงก์ ยังไม่น่าจะปรับลดค่าใช้จ่ายสำรองฯ (credit cost) ลงอย่างมีนัยสำคัญใน 4Q66 และในขณะที่ต้นทุนการรีไฟแนนซ์หุ้นกู้จะเร่งให้ ต้นทุนทางการเงินเพิ่ม 50-60bps ในอีกหกเดือนข้างหน้า จะเป็นปัจจัยที่ฉุดมาร์จิ้น ในกรณีที่บริษัทไม่สามารถขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ได้ บล.เคจีไอมองแนวโน้มแบบระมัดระวัง โดยคาดว่า credit cost จะยืนอยู่ในระดับสูง ในขณะที่คาดว่า margin จะลดลง 30kps และสินเชื่อจะขยายตัว 20-24% ซึ่งจะทำให้กำไรโต 14.6% ในปี 2567 (จาก 4.5% ในปี 2566F) ซึ่งที่ระดับนี้ บล.เคจีไอชอบบริษัท non-bank ที่สัดส่วน D/E ต่ำ และราคาไม่แพง โดยเลือก TIDLOR และ SAWAD เป็นหุ้นเด่นของเราในกลุ่มนี้
Risks
NPLs เพิ่มขึ้น และตั้งสำรองเพิ่มขึ้น, มีการปรับเกณฑ์เกี่ยวกับการจัดอันดับเครดิดหุ้นกู้