หลายครั้งที่สิงสาราสัตว์ กลายเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกอัตลักษณ์ เล่าขานความเป็นมาของชาติต่าง ๆ จนทำให้พวกมันกลายเป็นสัตว์ประจำชาติ อย่างไทยเรามีช้างเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมือง สิงคโปร์มีสิงโต สหรัฐอเมริกามีนกอินทรี และอีกหลายประเทศทั่วโลก รวมไปถึงประเทศฝรั่งเศส มหาอำนาจในยุคจักรววรดินิยม เก่งกาจเรื่องการทำสงครามในสมัยจักรพรรดินโปเลียน มาถึงตรงนี้หลายคนคงคิดว่าประเทศที่มีความยิ่งใหญ่เบอร์นี้ คงมีสัตว์คู่บ้านคู่เมืองเป็นเสือ หรือสัตว์ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นบิ๊กเบิ้มแห่งผืนป่า แต่ความเป็นจริงคนฝรั่งเศสกลับยกย่องให้ ไก่ตัวผู้ (Le Coq) เป็นสัตว์ที่สะท้อนเอกลักษณ์ในชาติของตนเองในแวดวงฟุตบอลต่างรู้กันดีว่าทีมตราไก่ คือทีมชาติฝรั่งเศส หรือแม้กระทั่งบนยอดเสาแห่งมหาวิหารนอเทรอดาม ยังมีแผ่นสลักรูปไก่ตัวผู้ติดตั้งเด่นตระหง่านอยู่เหนือสัตว์อื่นใดทั้งปวง หลายพื้นที่ในฝรั่งเศสยังมีรูปปั้นรูปไก่วางให้เห็นอยู่ทั่วไป สะท้อนให้เห็นว่าชาวฝรั่งเศสยกย่องนับถือไก่อยู่ไม่น้อย แต่คงไม่ถึงขนาดกับชาวฮินดูที่นับถือโคเพราะเชื่อว่าเป็นพาหนะของเทพเจ้า แต่เรื่องสำคัญก็คือว่า เพราะเหตุใดไก่แสนธรรมดาจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองแห่งนี้ไปได้หากจะหาคำตอบเรื่องนี้ คงต้องเล่าย้อนไปถึงสมัยโรมัน ก่อนที่ฝรั่งเศสจะกลายเป็นประเทศที่มีองค์ประกอบครบถ้วนตามที่เราได้เรียนในวิชาสังคมศึกษา เดิมทีชนเผ่าที่อาศัยอยู่บริเวณดินแดนฝรั่งเศสคือ ชาวโกลัวร์ (Gaulois) บังเอิญว่าชื่อชนเผ่าดันไปตรงกับภาษาที่ชาวโรมันใช้กันแปลว่า ไก่ตัวผู้ ความจริงแล้วชาวโรมันเข้าใจว่าชนเผ่านี้เกิดมาจากไก่ แต่ชาวโกลัวร์ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นคำเหยียดหยามแต่อย่างใด กลับรู้สึกว่าไก่เป็นสัตว์ที่เฉลียวฉลาด พึ่งพาตนเองได้ นับแต่นั้นมาจึงยกย่องนับถือไก่เป็นสัตว์ประจำชนชาติของตนเองคราวนี้เมื่อกาลเวลาดำเนินมาถึงยุคกลาง (Middle Age) ซึ่งศาสนาเป็นเรื่องสลักสำคัญในการดำเนินชีวิตของผู้คน แน่นอนว่าศาสนสถานถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คน การมีโบสถ์หลายแห่งในเมืองไม่ใช่เรื่องประหลาด แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อคือ ไก่ตัวผู้ กลายเป็นสัญลักษณ์ที่โบสถ์ทุกแห่งต้องนำมาใช้ ไม่ว่าจะสร้างออกมาเป็นกระจกสีตามหน้าต่างโบสถ์ ติดตั้งเอาไว้บนยอดหลังคาโบสถ์ นั่นเพราะชาวฝรั่งเศสในยุคกลางมีความเชื่อว่า ไก่ คือสัตว์ชนิดเดียวที่สามารถเอาชนะความมืดในยามราตรีได้ด้วยเสียงขันของมัน ขันปุ๊บสว่างปั๊บว่าอย่างนั้น ไก่ตัวผู้ที่ขันเจื้อยแจ้วจึงกลายเป็นสัตว์ที่สื่อถึงแสงสว่าง และศรัทธาอันแรงกล้าของผู้คนในยุคกลางนั่นเองแต่ไม่ใช่ว่าไก่จะอยู่ยงคงกระพันมาได้โดยตลอด ในยุคของจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 ซึ่งกล่าวไปตอนต้นว่าเป็นสมัยที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำสงคราม จักรพรรดินโปเลียนมองว่า จะเอาไก่ตัวกระเปี๊ยกมาเป็นสัญลักษณ์ของชาติไม่ได้ ชาติของเรานั้นยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ไก่ตัวเล็กที่ไร้พละกำลัง ทำได้เพียงคุ้ยเขี่ยหาอาหาร ส่งเสียงขันน่ารำคาญไปวัน ๆ ยุคนั้นความสำคัญของไก่ตัวผู้จึงลดลง มีการใช้พญาอินทรีเป็นสัญลักษณ์ของชาติแทนไก่กลับมาเป็นตัวแทนแห่งความภูมิใจของฝรั่งเศสอีกครั้งในสมัยสงครามโลก โดยเฉพาะสงครามระหว่างฝรั่งเศสกับปรัสเซียในปี 1870 (Franco-Prassian War 1870) ไก่เป็นตัวแทนของชาตินิยมฝรั่งเศส ด้วยลักษณะการใช้ชีวิตของพวกมันที่อยู่ด้วยกันเป็นฝูง หาอาหารด้วยกัน และพร้อมที่จะต่อสู้อย่างกล้าหาญ ตั้งแต่นั้นมาไก่ตัวผู้ก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของชาวฝรั่งเศสไปโดยปริยาย แม้แต่แบรนด์เสื้อผ้ากีฬาที่เรารู้จักกันดีอย่าง Le Coq Sportif ก็ยังใช้ไก่ตัวผู้เป็นตราประจำแบรนด์ เรียกว่าไก่อยู่ทุกวงการของฝรั่งเศสโดยแท้จริงรูปภาพหน้าปกโดย MrsBrown : Pixabayรูปภาพประกอบที่ 1 โดย Falco : Pixabayรูปภาพประกอบที่ 2 โดย Music4life : Pixabayรูปภาพประกอบที่ 3 โดย Bruchin Noeka : Unsplash