PQS ร่วมลงทุนในธุรกิจโลจิสติกส์เสริมแกร่งห่วงโซ่อุปทาน

นายรัฐวิรุฬห์ ชาญจึงถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทพรีเมียร์ ควอลิตี้สตาร์ช จำกัด (มหาชน) หรือ PQS แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา มีมติอนุมัติบริษัทเข้าร่วมลงทุนจัดตั้งบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ ร่วมกับบริษัทจีแอนด์จี 2015 จำกัด (G&G) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการขนส่งครบวงจร เพื่อดำเนินธุรกิจบริการขนส่งทางบกและโลจิสติกส์ ภายในประเทศ รวมถึงการขนส่งสินค้าข้ามแดน การร่วมลงทุนเพื่อทำธุรกิจขนส่งเป็นไปตามกลยุทธ์การขยายการลงทุนไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อสนับสนุนความสามารถในการแข่งขันและการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัทในระยะยาว 

โดยบริษัทร่วมทุนที่จัดตั้งใหม่ อยู่ระหว่างการจดทะเบียน โดยจะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 10 ล้านบาท โดย PQS จะเข้าถือหุ้นสัดส่วน 51% ส่วนที่เหลือบริษัท G&G ถือหุ้น 49% สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ จังหวัดมุกดาหาร อย่างไรก็ตามการลงทุนดังกล่าว ไม่เข้าข่ายรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ที่มีนัยสำคัญ ตามประกาศตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เนื่องจากมีขนาดรายการเพียง 0.17% ของสินทรัพย์รวมของบริษัท 

นายรัฐวิรุฬห์ กล่าวว่า ปัจจุบันกำลังการผลิตแป้งมันสำปะหลัง ที่จังหวัด มุกดาหาร และจังหวัดสกลนคร รวมอยู่ที่ 2 แสนตัน/ปี  ส่วนปีนี้ได้ขยายกำลังการผลิตเพิ่มที่โรงงานจังหวัดกาฬสินธุ์ คาดว่าจะมีกำลังการผลิตเพิ่มอีก 5 หมื่นตันต่อปีในปี 2568 และจะสามารถเดินเครื่องผลิตได้เต็มที่เป็น 1 แสนตัน ในปี 2569 รวมทั้ง 3 โรงงานจะมีกำลังการผลิต 3 แสนตันต่อปี 

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา PQS รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระบุว่า บริษัทฯ มีผลประกอบการในไตรมาส 1/2568 มีรานได้รวม 478.0 ล้านบาท ลดลง 380.4 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน (YoY) หรือลดลงร้อยละ 44.3% YoY และ ลดลง 196.3 ล้านบาท จากไตรมาสก่อนหน้า (  QoQ) หรือ ลดลง 29.1% QoQ โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 28.4% เพิ่มขึ้นจาก 24.7%  ในงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นจาก 20.9% ในไตรมาสก่อน และบริษัทมีกำไสุทธิที่ 55.0ล้านบาท ลดลง 57.3% YoY และ เพิ่มขึ้น 21.7  ล้านบาทเทียบ QoQ หรือเพิ่มขึ้น 65.1% QoQ โดยทำอัตรากำไรสุทธิได้11.5% อย่างไรก็ดี บริษัทมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีสินทรัพย์รวม 3,046.4  ล้านบาท มีหนี้สินรวม 805.2  ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 2,241.2 ล้านบาท