มีแนวโน้มประสงค์ต่อชีวิต! รอง ผบ.ตร. เผยปม เก๋งบีเอ็มฯ ถูกฝังดิน แจงรอยกระสุนปืน

ข่าววันนี้ จากกรณีที่พบรถเก๋งบีเอ็มดับเบิลยู ถูกฝังกลบดินในพื้นที่สวนปาล์ม หมู่ 2 ต.สวนหลวง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช เบื้องต้นพบว่าเจ้าของรถคือ นายมิเชล อายุ 52 ปี สัญชาติอเมริกัน เป็นครูสอนภาษาอยู่ที่ จ.ภูเก็ต และได้เดินทางออกนอกประเทศไปแล้วเมื่อ 10 ปีก่อน โดยรถคันดังกล่าวมีทะเบียน กจ-3979 ซึ่งถูกยกเลิกทะเบียนเมื่อปี 2553 และถูกบริษัทไฟแนนซ์ฟ้องปี 2554 โดยทราบว่า นายมิเชล เดินทางผ่านทางด่านตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวันที่ 12 ก.พ.2555 เวลา 17.32 น. โดยเจ้าหน้าที่กำลังประสานไปยัง นายมิเชล เพื่อขอข้อมูลว่าใครครอบครองรถต่อ

ล่าสุดวันที่ 3 ก.พ.65 พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ในการติดตามสืบสวนคดีนี้ยังไม่ถือว่าเป็นคดีอุกฉกรรณ์ร้ายแรง เพราะในที่เกิดเหตุยังไม่พบหลักฐานว่ามีผู้เสียชีวิตหรือผู้ครอบครองรถเสียชีวิต แต่ที่พบคือการเอารถมาฝังดินคล้ายกับคดีอุกฉกรรณ์อื่นๆ ของภาค 8 รวมไปถึงการทำลายตัวถังรถมันบ่งบอกว่ามีเจตนาที่จะปกปิดอะไรบางอย่าง

ตอนนี้รถเราพิสูจน์ทราบแล้วว่าเป็นของชาวต่างชาติ และเจ้าของรถยังมีชีวิตอยู่ แต่เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว ซึ่งต้องหาข้อมูลต่อว่าเมื่อเจ้าของรถที่เช่าซื้อมาทำสัญญาแล้ว ได้มีการฟ้องร้องคดีทางแพ่งในเรื่องส่งคืนรถและไม่ได้ชำระค่าผ่อนรถและเป็นเหตุให้ฟ้องร้องทางแพ่ง และให้ส่งรถแต่ไม่ได้ส่งรถ ตอนนี้กำลังขยายผลในขั้นตอนตามคำพิพากษาของศาลจนมาสู่ขั้นตอนรถใครครอบครองต่อ อีกส่วนจะเริ่มสืบสวนจากจุดที่พบรถ ซึ่งอาจจะมีพยานหลักฐานบางอย่าง ทั้งพยานบุคคลและนิติวิทยาศาสตร์พอจะขยายผลไปถึงเหตุที่รุนแรงต่อชีวิตหรือไม่

ส่วนกรณีมีร่องรอยคล้ายกระสุนปืนในรถนั้น พล.ต.อ.สุชาติ ระบุว่า เบื้องต้นยังไม่พบ แต่มีข้อพิรุธหลายอย่างเกี่ยวกับชิ้นส่วนของรถ ซึ่งจะให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนพาหนะที่นำรถเก๋งบีเอ็มฯ มาฝังนั้นคาดว่าน่าจะเป็นรถแบคโฮ สำหรับเจ้าของสวนปาล์มก็ไม่มีผลต่อคดีมากนัก ส่วนแนวโน้มของคดีจะบอกว่าเป็นการฆ่าอำพรางก็ไม่สามารถระบุได้ ไม่น่าจะเป็นการทำลายรถเพื่อหลบเลี่ยง

เบื้องต้นที่พบยังไม่มีการใช้อาวุธปืน แต่ก็จะต้องให้ พฐ.เอาคราบโคลนออกให้หมดก่อนและตรวจสอบให้ละเอียด คาดว่าจะใช้เวลาประมาณหนึ่งอาทิตย์ ซึ่งรถคันนี้ตามพยานหลักฐานที่พบเป็นรถในคดีฟ้องร้องที่ศาลให้ส่งมอบรถ โดยมีเจ้าของเป็นชาวต่างชาติที่เดินทางออกไปแล้ว แต่เราไม่พิสูจน์ได้ว่าการที่เอารถมาฝังมันเกี่ยวกับการกระทำใดชัดเจน ซึ่งยังบอกไม่ได้ว่าจะเป็นคดีที่นำไปสู่ความรุนแรงหรือไม่ โดยคดีนี้ไม่ถือเป็นคดีสำคัญ แต่มีแนวโน้มว่ามีเหตุประสงค์ต่อชีวิต