เอนก ดึงดัน! ลั่น 7 ปี ไทยจะส่งยาน ไปดวงจันทร์ ได้จริง อ้างนักวิทย์ฯ ศึกษาแล้ว
นักวิทยาศาตร์ คาด 7 ปี "ไทย" จะไปดวงจันทร์ได้จริง ‘เอนก’ ลั่นไม่ได้ฟุ้ง เปล่าพูดเพื่อเอาหน้า แค่ส่งสาร น.ร.-น.ศ. หันเรียนวิศวะชั้นสูง เพิ่มมากขึ้น
วันนี้ (13 ม.ค.) นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของไทย เดินทางมาไกล จนเริ่มผลิตนวัตกรรมที่เป็นของไฮเทค แม้กระทั่งเรื่องที่คนสนใจ อย่างเรื่องที่ ทำดาวเทียมเพิ่มมากขึ้น มาระบบบังคับดาวเทียมให้เป็นยานอวกาศ อย่างที่ตนได้พูด ในขณะที่เปิดโครงการ “วัคซีนเพื่อคนไทย” ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่า
อีกไม่เกิน 7 ปี ไทย จะเป็นชาติ ที่ 5 ของเอเชีย ที่จะสามารถผลิตยานอวกาศและส่งไปโคจรรอบดวงจันทร์ได้ เป็นการเล่าให้คนไทยฟังเพื่อให้เกิดความดีใจ แน่นนอนว่าในทางปฏิบัติอาจใช้วัสดุจากต่างประเทศบ้าง แต่ในเชิงปฏิบัติ กล่าวได้ว่า คนไทยออกแบบ และสร้างเอง
“หากจะบอกว่า สร้างยานอวกาศ เพื่อไปดวงจันทร์ตรงนั้นอาจเป็นการพูดที่ไร้สติ แต่เป้าหมายที่วางไว้ คือ ไปดวงจันทร์ คาดว่า ใช้เวลาอีกไม่เกิน 7 ปี ทั้งนี้การที่ผมอออกมาพูดเรื่องดังกล่าว ไม่ใช่ว่า อยากของบประมาณ และไม่ใช่พูดว่าจะเริ่มทำในช่วงที่ผมมาเป็นรัฐมนตรีว่าการ อว. เรื่องนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำมานานแล้ว
ทั้ง สถาบันดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือจิสด้า สำนักงานประสานงานส่วนหน้า สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน มหาวิทยาลัยต่าง ๆ อาทิ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) เหล่านี้มาช่วยกัน และมีการพัฒนามาจนคนทำงานคาดการณ์ได้ว่า อีก 7 ปี จะสามารถส่งยานอวกาศไปโคจรรอบดวงจันทร์ได้
เรื่องนี้มีการทำงานกันมาอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องที่รัฐมนตรีว่าการ อว.พูดขึ้นมา เพราะอยากทำแล้วจะมาขอเงิน วัตถุประสงค์ที่ผมเล่าให้ฟังเพื่อต้องการจะบอกข่าวดี ว่าเงินภาษีของคนไทยที่รัฐบาลนำมาใช้จ่าย ส่งนักเรียน นักศึกษาไปศึกษาต่างประเทศ นานกว่า 40 ปี นั้น สัมฤทธิ์ผลสร้างนักวิทยาศาสตร์ กลับมาช่วยพัฒนาประเทศ ”นายเอนกกล่าว
รัฐมนตรีว่าการอว. กล่าวต่อว่า ตนอยากทำความเข้าใจ ตรงนี้ อยากบอกความคืบหน้า ไม่ได้ฟุ้ง และไม่ได้พูดเพื่อจะเอาหน้า ซึ่งตนเองได้พูดมาตลอดว่า นักวิศวกรรมศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์ ทำเรื่องนี้ไม่ใช่ตัวรัฐมนตรีอว.ทำ และที่ออกมาพูดก็ไม่ใช่ว่า จะเอาหน้า
แต่อยากให้โอกาสกับคนที่ตั้งใจทำงาน เพราะมีคนเป็นร้อยที่ทำเรื่องนี้ และต้องการกำลังใจจากคนไทยทุกคน อีกทั้งยังเป็นการส่งสารไปยังนักเรียน นักศึกษา ให้หันมาสนใจเรียนวิทยาศาสตร์ เพราะมีอนาคต สามารถเรียนวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมชั้นสูง เพื่อเข้ามาช่วยเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศได้