อุตสาหกรรมไวน์ กับเงินที่สูญหายไปมหาศาล แหล่งผลิตไวน์ ส่วนใหญ่จะมาจาก ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน อเมริกา ฯลฯ ซึ่งในตอนนี้ ประเทศที่ได้กล่าวมา กำลังประสบความยากลำบาก จากวิกฤติโคโรนาไวรัสอยู่ แล้วธุรกิจไวน์ได้รับผลกระทบ จากวิกฤติครั้งนี้ มหาศาลขนาดไหน ? ในอดีต การผลิตไวน์เริ่มต้นขึ้น จากกิจการของครอบครัว ที่ส่วนใหญ่จะปลูกบ้านให้ ล้อมรอบไปด้วยไร่องุ่นอันเลอค่า และโรงบ่มไวน์ก็จะมีลักษณะขนาดเล็ก ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงมีอยู่บ้าง แม้ว่าไวน์จากธุรกิจเล็ก ๆ จะมีราคาสูงมากก็ตาม พอมาถึงในยุคสมัยปัจจุบันเครื่องดื่มประเภทนี้ ถือเป็นหนึ่งในตัวแทนของหลาย ๆ สังคม จึงได้รับความสนใจในการศึกษา ตลอดจนต่อยอดพัฒนามาเรื่อย ๆ 10 ปีก่อน ในปี 2010 จำนวนไวน์ที่ถูกผลิตขึ้นมีจำนวน สูงถึง 260 ล้านเฮกโตลิตร หรือ 26,000 ล้านลิตร คิดเป็น 34 พันล้านขวด และถ้าหากคิดจากจุดเริ่มต้นของวัตถุดิบ ก็จะมาจากไรองุ่นขนาด 8 ล้านเฮกตาร์ หรือประมาณ 50.6 ล้านไร่ เลยทีเดียว เมื่อเห็นตัวเลขของการผลิต บ่งบอกได้ชัดเจน ว่านี่คือ..ยุคทองของเครื่องดื่มจากองุ่น ยกเว้น ประเทศไทย ที่รัฐบาลเรียกเก็บภาษี จากสินค้านี้สูงมาก จึงทำให้ผู้คนทั่วไป เข้าถึงไวน์ได้ค่อนข้างยาก ส่งผลให้ผู้ประกอบการเกี่ยวกับ ธุรกิจไวน์ ยากแก่การทำการตลาด เพราะผู้คนจะหันไปสนใจเครื่องดื่ม ประเภทอื่นอย่าง เบียร์ หรือสุรา เสียมากกว่า.. อย่างไรก็ตาม..ในประเทศที่มีชื่อเสียง ด้านการผลิตไวน์เป็นธุรกิจหลัก การศึกษาและเทคโนโลยีที่พัฒนา เพิ่มพูนขึ้นทุกปี ทำให้อุตสาหกรรมไวน์เติบโตมากกว่าเดิมตามไปด้วย แต่ถึงจะให้มีการเติบโตอย่างไร เมื่อเดินตกหลุมพรางจาก โคโรนาไวรัสโดยไม่ทันตั้งตัว ก็ไม่แปลกที่ยุคทองของไวน์จะสะดุด โดยภาพที่เห็นชัดที่สุดคือมาตรการ ล็อกดาวน์ของประเทศต่าง ๆ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อ การค้าขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างสหรัฐอเมริกาช่วงที่ผ่านมา รายได้ที่เคยได้รับจากการค้าไวน์ ราว 5.94 ล้านล้านเหรียญต่อปี หรือ 193 ล้านล้านบาท ได้รับการคาดการณ์ ว่าอาจจะสูญเสียไปราว 36-66% ซึ่งที่ซานฟรานซิสโก โรงบ่มไวน์กว่า 10,000 โรง รวมกับผู้ประกอบการไร่องุ่นอีก 8,000 ราย คือผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากส่วนนี้ไปเต็ม ๆ แม้จะมีข่าวดี ช่วงก่อนล็อกดาวน์ ที่ว่าไวน์เติบโตสุด ๆ จากการที่ผู้คน Stay Home อยู่แต่ในบ้าน และไวน์..คือสิ่งหนึ่ง ที่ครอบครัวตะวันตก ส่วนใหญ่จะขาดไปไม่ได้ แต่พอมีมาตรการมา อุตสาหกรรมไวน์ กลับสวนทางตรงกันข้ามภายในพริบตา ทั้งนี้ ในประเทศอื่น ๆ ที่มีชื่อเสียงด้านไวน์ก็ได้รับ ผลกระทบในลักษณะเช่นนี้..ไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นฝรั่งเศสก็ดีอิตาลีก็ดี สเปนก็ดี หรือแม้กระทั่งเยอรมันก็ดี ซึ่งถ้าหากมีข้อมูลส่วนนี้ครบถ้วน คงจะเป็นตัวเลขที่มหาศาล..ไม่ใช่น้อย แต่ถ้าหากประเทศเหล่านั้น ทั้งที่ได้กล่าวถึงและไม่ได้กล่าวถึงมีการผ่อนคลายมาตรการลง การค้าขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาจจะฟื้นคืนกลับมาเช่นเดิมได้บ้าง.. อย่างไรก็ตาม.. แม้ตอนนี้อุตสาหกรรมไวน์ และธุรกิจแอลกอฮอล์ ในซีกโลกตะวันตกจะได้รับ ผลกระทบสาหัสจากโคโรนาไวรัส แต่ในอีกฝั่ง..กลับเป็นผลดีสำหรับนักลงทุน ในการเก็บสะสมไวน์สำหรับทำกำไร ซึ่งว่ากันว่ายิ่งเก็บนานเรื่อย ๆ นานเท่าไหร่ นานมากแค่ไหน..ยิ่งดี (ในทางกลับกันก็ใช่ว่าจะสามารถเก็บได้ทุกขวดเสมอไป) ถ้าหากว่าไวน์มีคุณภาพดี นั่นคือพอร์ตลงทุนอันงดงาม ที่สามารถทำกำไรได้หลายเท่าตัว เพราะว่าในต่างประเทศ เมืองที่ทีความโดดเด่นเรื่องไวน์ เช่น แคว้นเบอร์กันดี ของฝรั่งเศส ทุกปีจะมีการจัดประมูลไวน์ เริ่มที่ราคาขวดละแสนไปจนถึงล้าน ซึ่งถ้าหากใครที่มีการบ่มไวน์มาเป็นอย่างดี ศึกษาเลขปี และรายละเอียดต่าง ๆ จนมีความเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ ก็อาจทำกำไร จากตลาดนี้ไปได้..สบาย ๆ Credit Picture Credit Picture1: Link Credit Picture2: Link Credit Picture3: Link Credit Cover Picture: Link ............................................................. ส่งต่อทุกแรงบันดาลใจ Share For Inspire Follow Us On “Facebook” Follow Us On “Line” Copyright By Swivel อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Swivel *บทความนี้ได้รับลิขสิทธิ์ถูกต้องจาก Swivel On Blockdit จริง