ช่วงนี้ ทุก ๆ คนต่างวิตกจริตกับโรคไวรัสโควิด-19 กันไปทั่วบ้านทั่วเมือง ไปไหนทำอะไร ได้ยินแต่ข่าวโควิด ๆ หวิดไปหวิดมาอยู่นี่ เปิดหน้าเฟซ ก็มีแต่ข่าวว่าติดเชื้อไปกี่คนแล้ว เสียชีวิตไปกี่คนแล้ว เฮ้อ... ทั้งนี้ทั้งนั้น เราทุกคนต้องอดทน และมีความหวังในจิตใจว่า...แล้วมันจะผ่านไป มีคำกล่าวไว้ว่า คนฉลาดจะมองเห็นทุก ๆ วิกฤต เป็นโอกาส จะมองเห็นแง่ดี ส่วนที่ดี อยู่เสมอ แม้ในสถานการณ์ที่ดูเหมือนว่าเลวร้ายที่สุด และยาวนานที่สุดก็ตาม วันนี้ขอชวนคุณ ๆ ผู้อ่าน มาลองนั่งคิดพิจารณา ถึงว่าไอ้เจ้าโรคโควิด-19 นี่ มันทำให้เราเห็นโอกาส สิ่งดี ๆ สิ่งที่เป็นแง่บวกในเรื่องนี้ได้อย่างไรบ้าง มาค่ะ ตามมาดูกัน ข้อที่ 1 โควิดทำให้ชีวิตเราช้าลง ช้าลงตรงไหน? ...หลาย ๆ คน หลาย ๆ ครอบครัวไม่สามารถออกไปไหนได้ ตามนโยบายรัฐบาลให้ อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ หลาย ๆ ครอบครัวก่อนที่จะมีเรื่องโควิด ต่างคนต่างทำงาน กลับมาบ้านก็คนละเวลากัน เวลาทานข้าวก็ไม่เคยได้ทานพร้อมกันเลย เพราะทุกคนต่างยุ่งเรื่องทำมาหากิน แต่พอมีเรื่องนี้เกิดขึ้น หลายคนต้องอยู่บ้าน ไม่ต้องออกไปทำงานนอกบ้านอย่างเคย เมื่อต้องอยู่บ้านทั้งวัน ก็จะเริ่มมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ในบ้านที่ตนเองหลงลืม ละเลยไป เช่น ต้นมะลิหน้าบ้านนั่นใครซื้อมาหรือ ทำไมดูเหี่ยวแห้งอย่างนี้ล่ะ มา ชั้นจะรดน้ำให้นะ หรือเตาทำอาหารของชั้น ทำไมมันดูเลอะเทอะ เกรอะกรังเช่นนี้ มา ๆ เดี๋ยวแม่จะล้างให้เอี่ยมอ่องไปเลย หรือ อ้าวหนังสือเล่มนี้ ชั้นมีด้วยหรือ ซื้อมาตั้งแต่เมื่อไร มา ๆ วันนี้ ขออ่านให้จบสักหน่อยเป็นไร ความช้าไม่ได้ทำให้ชีวิตเสียโอกาสไปเสียทุกเรื่องหรอกนะ ความช้าทำให้เราได้คิดอะไร ๆ มากขึ้น ได้คิดอะไร ๆ ได้ละเอียด ลึกซึ้งมากขึ้น ต้องขอบคุณ โควิด-19 หรือสถานการณ์เลวร้ายอื่น ๆ ที่ผ่านเข้ามา ที่ทำให้เรามีโอกาส ได้ดื่มด่ำกับชีวิตมากขึ้น ละเอียดขึ้น 2. ตระหนักว่าชีวิตนี้สั้นนัก จำนวนคนที่ติดเชื้อ จำนวนคนที่ตายด้วยโรคนี้ เพิ่มขึ้นทุกวัน ๆ และไม่แน่ว่าสิ่งที่เลวร้ายที่สุด ที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้นกับคนที่เรารู้จัก เพื่อน ญาติ ๆ พ่อ แม่ หรือแม้กระทั่งตัวเราเอง คือการที่คนที่เรารักเกิดการติดเชื้อหายนะนี้ขึ้น เพราะฉะนั้นขอให้ทุก ๆ คนฉวยโอกาส ทำดี บอกรัก ให้กับคนที่เรารัก ไม่ต้องรอเวลา โอกาส สถานการณ์ใด ๆ เมื่อต้องการทำหรือเมื่อคิดถึงพวกเขาเหล่านั้น ให้ลงมือทำทันที เช่น ไปเยี่ยม ซื้อของไปให้ตามกำลังที่มี พบปะพูดคุย โดยรักษาระยะห่าง และสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา เพราะเราไม่รู้ว่าสำหรับใครบางคน คำว่า “พรุ่งนี้” อาจจะไม่มีสำหรับเขาแล้วก็เป็นได้ 3. ทำให้เป็นคนที่ระมัดระวังกับชีวิตมากขึ้น ก่อนโควิด-19 ระบาด วันหนึ่ง ๆ แทบจะไม่เคยล้างมือเลย ทั้งก่อนหรือหลังทานอาหาร หรือเมื่อกลับเข้าบ้าน เนื้อตัวเปื้อนมอมแมม ก็รีบมาอุ้มลูก กอดลูก หอมคนที่บ้าน มา ณ เวลานี้ ทุก ๆ คนล้างมือกันไม่ต่ำกว่าวันละ 8-10 ครั้ง เมื่อกลับมาจากไปข้างนอกหรือไปทำงาน ก็จะรีบอาบน้ำกันทันที ก่อนที่จะทำกิจกรรมต่าง ๆ กับคนในครอบครัว เรื่องอาหารการกิน ก็ไม่ค่อยจะสนใจเรื่องสุขอนามัยของผู้ทำกันสักเท่าไหร่ แต่ ณ ปัจจุบันนี้ หลาย ๆ ครอบครัวเริ่มหันกลับมาทำกับข้าวที่บ้าน รับประทานเองกันมากขึ้น ในบางช่วงบางเวลา มนุษย์เราอาจจะต้องขอบคุณเจ้าโควิด-19 ที่ทำให้เราได้มีชีวิตเราช้าลง ตระหนักว่าชีวิตนี้สั้นนัก และทำให้เป็นคนที่ระมัดระวังกับชีวิตมากขึ้น ขอให้ทุก ๆ ท่านรักษาตัวกันให้ดี จนกว่าจะพบกันใหม่ สวัสดีค่ะ ภาพหน้าปกและภาพประกอบ https://pixabay.com/