รีเซต

สถานทูตฯญี่ปุ่น เจโทร เครือซีพี และกลุ่มทรู ผนึกกำลังจัด “Rock Thailand” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4

สถานทูตฯญี่ปุ่น เจโทร เครือซีพี และกลุ่มทรู ผนึกกำลังจัด “Rock Thailand” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4
TNN ช่อง16
17 พฤศจิกายน 2565 ( 11:46 )
63
สถานทูตฯญี่ปุ่น เจโทร เครือซีพี และกลุ่มทรู ผนึกกำลังจัด “Rock Thailand” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4

16 พฤศจิกายน 2565 บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด สถานทูตฯ ญี่ปุ่น องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan External Trade Organization: JETRO Bangkok) และกลุ่มทรู ผนึกกำลังร่วมจัดกิจกรรมใหญ่ “Rock Thailand #4” ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 นำคณะนักธุรกิจสตาร์ทอัพระดับแถวหน้าจากประเทศญี่ปุ่น นำเสนอนวัตกรรมที่ร่วมขับเคลื่อน BCG Model แก่บริษัทชั้นนำของไทย หลังประสบความสำเร็จจากการจัดงานก่อนหน้านี้ โดยได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ นายนิชิมูระ ยาสึโตชิ รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม ประเทศญี่ปุ่น เป็นประธานกล่าวเปิดงาน พร้อมด้วยนายคุโรดะ จุนอิชิโร ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร กรุงเทพฯ) นายสุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการเครือเจริญโภคภัณฑ์ และนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทชั้นนำของไทยเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง อาทิ บมจ.ช.การช่าง บ.ไทยประกันชีวิต กลุ่มมิตรผล เอราวัณ กรุ๊ป กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด ธนาคารกรุงเทพ เครือสหพัฒน์ โอสถสภากรุ๊ป บ.เบอร์ลี่ยุคเกอร์ บ.เมืองไทย แคปปิตอล ณ ทรูดิจิตอล พาร์ค เวสต์ ถนนสุขุมวิท

ฯพณฯ นายนิชิมูระ ยาสึโตชิ รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า หลังจากวิกฤติโควิด-19 โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องการเร่งลดคาร์บอนเพื่อช่วยโลกซึ่งเป็นประเด็นที่ท้าทายอย่างมากของภาคธุรกิจ กุญแจสำคัญในการจะเอาชนะความท้าทายนี้ได้คือภาคธุรกิจจะต้องร่วมมือกับกลุ่มสตาร์อัพในการพัฒนา deep tech เพื่อพัฒนาธุรกิจสีเขียว  โดยประเทศไทยเป็นพันธมิตรที่สำคัญมากในการสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจในหลายภาคส่วน เช่น อุตสาหกรรมการผลิตและพลังงาน ดังนั้นความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจในอนาคตระหว่างไทยและญี่ปุ่น สิ่งสำคัญคือต้องตั้งเป้าหมายเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนผ่าน "การร่วมสร้างสรรค์" หรือ co-creation ในด้านนวัตกรรมและการสร้างเศรษฐกิจให้มีมูลค่าสูง เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน  โดยรัฐบาลญี่ปุ่นจะขยายทุนส่งเสริมสตาร์ทอัพที่ได้ร่วมมือกับพันธมิตรในท้องถิ่นกว่า 500 ล้านบาท และจัดสรรงบอีก 1.3 พันล้านบาทในการพัฒนาธุรกิจที่ยกระดับห่วงโซ่อุปทานภูมิภาคนี้ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งรวมไปถึงการส่งเสริมด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระหว่างรัฐบาลญี่ปุ่นและธุรกิจของไทยผ่านองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) กรุงเทพฯด้วย

“งาน Rock Thailand ครั้งนี้จึงถือเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญในการนำบริษัทเทคสตาร์ทอัพชั้นนำจากญี่ปุ่นรวม  9 ทีมที่น่าสนใจมานำเสนอแผนธุรกิจทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการสนับสนุนแนวคิด BCG  Economy  Model  ที่ประเทศไทยใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว และยังเป็นแนวคิดหลักของการประชุม APEC 2022 การจัดงานครั้งนี้จึงเป็นการสร้างความร่วมมือในแบบ co-creation ที่สำคัญในการหาแนวทางการพัฒนาและความร่วมมือของธุรกิจของไทยและกลุ่มสตาร์ทอัพญี่ปุ่นให้ได้มีการพัฒนาสร้างสรรค์เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ส่งเสริมให้เกิดสังคมคาร์บอนต่ำและยังเป็นการส่งเสริมการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน ตลอดจนส่งเสริมการลงทุนใหม่ๆ ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมในรูปแบบธุรกิจสีเขียว และการส่งเสริมด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระหว่างรัฐบาลญี่ปุ่นและไทยในด้านต่างๆ อาทิ การแพทย์ การดูแลสุขภาพ การลดคาร์บอน เทคโนโลยีชีวภาพ การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล และการพัฒนาเมือง ดังนั้น co-creation ที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของภาครัฐญี่ปุ่นและเอกชนไทยจะนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืนของทั้งสองประเทศรวมทั้งการขยายการเติบโตไปยังประเทศต่างๆ ในอาเซียนด้วย”

งาน ‘Rock THAILAND’ เป็นหนึ่งในกิจกรรมความร่วมมือระหว่างรัฐบาลญี่ปุ่นและเครือเจริญโภคภัณฑ์ซึ่งเป็นภาคเอกชนไทย ภายใต้โครงการ Open Innovation Columbus (OIC) ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือในการสร้างสรรค์นวัตกรรมขึ้น โดยในปีนี้ธุรกิจสตาร์ทอัพจากญี่ปุ่นทั้ง 9 บริษัทที่มานำเสนอธุรกิจของตนเอง (Pitching) ต่อบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่และพันธมิตรทางธุรกิจ  เป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อน BCG Economy Model เน้นการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมมาช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจ เพิ่มมูลค่า ลดความสูญเสีย และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์การฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ครอบคลุม และสมดุล ซึ่งแนวคิดดังกล่าวสอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจของเครือซีพี ที่มุ่งขยายผลยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ BCG อย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการสนับสนุนเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ พลังงานสะอาด เน้นการบริหารจัดการทรัพยากรตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน รวมถึงรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาเป็นตัวช่วยสำคัญในการดำเนินธุรกิจ และเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืนให้กับทุกธุรกิจในเครือฯ 

ทั้งนี้นักธุรกิจสตาร์ทอัพชั้นนำจากญี่ปุ่น 9 แห่งที่มาร่วมงาน Rock Thailand #4  เป็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่สร้างสรรค์นวัตกรรมที่ขับเคลื่อน BCG Economy Model 4.0 ได้แก่ Milk. Inc บริษัทด้านเทคโนโลยีการแพทย์ ผู้พัฒนาระบบวินิจฉัยโรคมะเร็งโดยใช้กล้องไฮเปอร์สเปกตรัม ซึ่งได้รับการยืนยันแล้วว่าระบบมีความแม่นยำมากกว่า 90% สำหรับการวินิจฉัยเซลล์มะเร็ง 7 ชนิด และขณะนี้บริษัทกำลังทำงานร่วมกับบริษัทต่าง ๆ และระดมทุนเพื่อนำเทคโนโลยีไปใช้จริงภายในสิ้นปีค.ศ. 2023, MiCAN Technologies Inc. บริษัทสตาร์ทอัพแห่งเดียวในโลกที่พัฒนาชุดตรวจสอบเพื่อคาดการณ์ความรุนแรงของโรคไข้เลือดออกผ่านเซลล์เม็ดเลือดแดงด้วยเทคโนโลยีสเต็มเซลล์ MiCAN ยังทุ่มเทหาทางแก้ปัญหาโรคติดเชื้อต่าง ๆ โดยเฉพาะเชื้อโรคในเขตร้อน, Zeroboard. Inc บริษัทชั้นนำที่ให้บริการระบบคลาวด์ด้านการคำนวณและใช้เทคนิคการสร้างภาพ (visualization) การปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยบริษัทสามารถคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของบริษัทได้อย่างง่ายดายผ่านโปรแกรม “zeroboard” และคำนวณสำหรับห่วงโซ่อุปทานตามมาตรฐานสากลที่เรียกว่า “GHG Protocol”, Naturanix Co., Ltd. พัฒนาชุดแบตเตอรี่ชาร์จเร็วพิเศษและสถานีชาร์จแห่งแรกของโลกโดยใช้เทคโนโลยี e-mobility ของญี่ปุ่น ส่งผลให้ใช้เวลาในการชาร์จ e-mobility น้อยกว่า 3 นาที


นอกจากนี้ยังมี Algal Bio Co., Ltd. จัดหาแพลตฟอร์มโรงหล่อชีวภาพสาหร่ายพร้อมด้วยคลังสายพันธุ์สาหร่ายเข้มข้น รวมถึงเทคโนโลยีการคัดกรองและเพาะปลูกสำหรับบริษัทต่าง ๆ ที่นำสาหร่ายไปใช้ในอุตสาหกรรมหรือนำไปประยุกต์ใช้งานด้านต่าง ๆ, AI inside Inc. นำเสนอบริการสร้าง, ใช้, และแบ่งปัน AI ด้วยเครื่องมือ AI-OCR ที่มีส่วนแบ่งการตลาดที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และแพลตฟอร์มการพัฒนาและปฏิบัติการ AI แบบ no-code โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างสังคมที่ใช้ AI อย่างแพร่หลายในทุกมิติของชีวิต, Liberaware Co., Ltd. ให้บริการธุรกิจ DX สำหรับการตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐานและการจัดการการบำรุงรักษา โดยวิเคราะห์ภาพที่รวบรวมจากโดรนตรวจสอบขนาดเล็ก ซึ่งทำให้ได้ข้อมูลในสภาพแวดล้อมที่ “แคบ มืด และสกปรก” ได้, Zip Infrastructure, Inc. ที่พัฒนา “Zippar” กระเช้าลอยฟ้าในเมืองแบบขับเคลื่อนด้วยตัวเอง ที่มีความยืดหยุ่นสูง คุ้มค่า และสะดวกสบาย  และ Neural Group (Thailand) Co., Ltd. ให้บริการระบบกล้อง Edge AI เป็นทางออกสำหรับเมืองอัจฉริยะ (Smart Cities) AI solutions สามารถสร้างภาพการใช้งานที่จอดรถ ตรวจจับการสัญจรไปมาของผู้คน พฤติกรรมของผู้คน และอื่น ๆ ได้แบบเรียลไทม์

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง