เมื่ออยู่ดีๆ คุณก็หมดไฟในการทำงาน อาจมาจาก...คำชมก็ได้ ตอนที่ผมยังทำงานประจำ ผมภูมิใจกับงานที่ผมทำมาก บ่อยครั้งที่เจ้านายก็มักจะเรียกเข้าไปคุยเรื่องงานและปรึกษาเรื่องปัญหาของบริษัท และผมก็จะได้คำชื่นชมกับการทำงานและผลงานต่างๆ ที่ทำ งานที่ทำแม้นจะหนักไปบ้าง แต่ผมก็ตั้งใจกับงานที่ทำ "เข้างานก่อนคนอื่น กลับบ้านคนสุดท้าย" คำชมทำให้ผมมีไฟและคิดว่าตัวเองเป็นกลไกส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนขององค์กร......จนกระทั้ง "ไฟของผมดับลง" อาจจะมาจาก การเหนื่อยล้าของสมอง (ปัญหาต่างๆ ในบริษัท ยังไม่รวมกับ คนนั้นเป็นคนของคนนี้ คนนี้ไม่ถูกกับคนนั้น) การไม่ได้พักผ่อนของร่างกาย (ตื่นตั้งแต่ 5.30 กลับบ้าน 22.00) การไม่ชัดเจนในการทำงาน (ในหนึ่งคน ต้องทำงานได้มากกว่า 3 ตำแหน่ง) พอสับสนเราก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรก่อนหลัง งานตีกันมั่วไปหมด (จากที่เคยทำงานคล่องแคล่ว กลายเป็นคนทำโน่นลืมนี่ ขาดสมาธิในการทำงาน) โดนตำหนิต่างๆ นาๆ ขาดความสุขในการทำงานไปจดหมด ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เราเป็นดาวเด่น ทำอะไรถูกใจนายทุกอย่าง สรุปแล้วตอนนั้นผมยังโทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง ว่าเราทำไม่เต็มที่ใช่ไหม ? ทำไมเราถึงไม่อดทนมากกว่านี้ แล้วก็บลาๆๆ อะไรที่โทษตัวเองได้ผมโทษหมด !! แต่พอเราได้พัก ...ได้คิด ... ได้ไตร่ตรอง หรือว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่ความผิดของเราล่ะ ? เราไม่ตั้งใจเหรอ เราไม่ขยันเหรอ เราไม่อดทนเหรอ ? ไม่ใช่ !! จริงๆ แล้วมันน่าจะมาจากสิ่งที่กระทำกับเรามากกว่า เราไปยึดติดกับคำชม .. ยิ่งชมก็ยิ่งทำ แต่พองานเรามีขนาดใหญ่ รับผิดชอบมากขึ้น ... แต่เราก็ยังทำอยู่คนเดียว ต่อให้เป็นใครก็ทำไม่ได้หรอก พอคิดถึงตรงนี้ผมก็ถึงจุดออกของสมอง ว่าจริงๆ แล้วเราไม่ได้อยู่ได้เพราะคนอื่นมาประเมิน ความสุขในการทำงานหายไป งานหลักของเรายังดีอยู่ แต่เพราะงานที่เพิ่มเข้ามาต่างหากที่ทำให้งานมันล้นเกินกว่าที่เราจะรับผิดชอบไหว และพอเค้าคิดว่าเราหมดไฟ หมดผลประโยชน์เค้าก็แค่บีบให้เราออกจากงาน.....เท่านั้นเอง คำชื่นชมของคนที่หวังประโยชน์กับคุณ แต่ไม่ได้จริงใจกับคุณ เขาเหล่านั้นจะหลอกใช้คุณ จนเมื่อคุณหมดผลประโยชน์ หรือไม่มีคุณค่ากับเขาแล้ว เขาก็พร้อมจะปล่อยมือจากคุณ หรือพูดจาไม่ดีเพื่อให้คุณรู้สึกหมดกำลังใจชีวิตได้ หากคุณกำลังรู้สึกด้อยค่าในชีวิตจากคำพูดของคนเหล่านั้นให้คุณคิดใหม่ เพราะจริงๆ แล้ว "คุณค่าของคุณ....อยู่ที่ตัวคุณเอง" การทำงานก็เหมือนกัน หากคุณสามารถปรับตัวเองตามสถานะการณ์ได้ คุณก็จะมีค่าในตัวเองเสมอ เช่น เมื่อไหร่ที่เจ้านายอยากได้งานก็ให้ทำเต็มที่ แต่อย่าเอาคำชมของเขามาเป็นความภูมิในต่องานที่เราทำ ให้คิดว่าสิ่งที่เขาชมก็แค่ผลประโยชน์ที่เขาได้รับจากเราเท่านั้น "แต่ให้เรารู้สึกดีกับงานที่เราทำ" ภูมิใจในผลงานของเรา ไม่ใช่ภูมิใจในการได้รับคำชมเหล่านั้น เปรียบเทียบกับ "ร่ม" เมื่อใดที่ฝนตกเขาก็นึกถึง "ร่ม" เพราะเขาต้องการป้องกันตัวเขาจากฝน เพื่อไม่ให้ตัวของเขาเปียก แต่เมื่อฝนหยุดตก ความสำคัญของร่มก็หมดไปด้วย จะพกติดตัวก็ไม่สะดวก ไม่ได้สนใจว่าร่มที่ใช้ปกป้องนั้นเปียกแค่ไหน กลับตรงกันข้ามร่มกับเป็นภาระให้เขา เราไม่ควรยึดติดต่อคำชมของคนที่เข้ามาเพื่อหวังผลประโยชน์กับเรา ในโลกธุรกิจที่มองแค่ผลลัพธ์ เราเองก็ต้องอยู่ให้เป็นอย่ายึดติดกับตำแหน่ง,คำชม,ผลงาน แต่ให้ภูมิใจในสิ่งที่เราตั้งใจทำจะออกมาดีหรือไม่หากเราทำเต็มที่กับมันแล้วก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว แล้วก็ก้าวต่อไป อะไรที่ผ่านมาแล้ว เกิดขึ้นแล้ว ย่อมดีเสมอ *ภาพประกอบทั้งหมดโดย ครีเอเตอร์ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !