รีเซต

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
ทันหุ้น
9 กรกฎาคม 2567 ( 08:50 )
20

#ภาวะหุ้น #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซียไซรัส มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index จะยังคงแกว่งตัว Sideways to Sideways Up โดยมีแนวต้านหลักระยะสั้นที่ 1,325+- จุด หากสามารถทะลุผ่านได้จะเป็นบวกทางเทคนิคและเปิด Upside ให้มีโอกาสฟื้นตัวเข้าหาระดับ 1,350-1,360 จุด โดยยังคงเห็นผลบวกจากการ Short Covering ขณะที่ภาพรวมบรรยากาศการลงทุนจากฝั่งต่างประเทศยังดูผ่อนคลาย โดยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯภาพรวมเห็นสัญญาณชะลอ และทำให้ตลาดคาดหวังสูงขึ้นว่า FED จะปรับลดดอกเบี้ยได้ถึง 2 ครั้งปีนี้ กด Bond Yield 10 ปีปรับลงต่อกว่า 4.3% และค่าเงิน Dollar อ่อนค่าหนุนเงินสกุลเอเชียและกระแสเงินทุนที่มีโอกาสไหลเข้า 

 

ส่วนปัจจัยในประเทศมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากพัฒนาการของโครงการ Digital Wallet ที่จะมีการแถลงใหญ่ในวันที่ 24 ก.ค. นี้ หนุนหุ้นในกลุ่ม Domestic Consumption ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามคือการประชุมครม.พิจารณาปรับเงื่อนไข TESG ส่วนการเมืองจับตาการพิจารณาคดีนายกฯเศรษฐาวันพรุ่งนี้ว่าจะมีการนัดพิจารณาครั้งถัดไปหรือนัดอ่านคำวินิจฉัยเมื่อใด หากมีสัญญาณที่จะคลี่คลายหรือมีความชัดเจนในทางบวกจะทำให้ปัจจัย Overhang ปัจจุบันนั้นหายไป หนุนการฟื้นตัวระยะกลาง-ยาว ระยะสั้นเราคาดหุ้นที่มีแนวโน้มกำไร 2Q24 ออกมาแข็งแกร่งจะมีแรงเก็งกำไรเข้ามาหนุนและเคลื่อนไหวได้ดีกว่าตลาด

 

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นเป็นรายตัวที่มีแนวโน้มเติบโตแกร่งกว่าตลาดและมี ESG Rating สูง // ส่วนที่สะสมในช่วงก่อนหน้ายังถือลงทุนต่อเนื่องระยะกลาง-ยาว

หุ้นเด่นเดือน ก.ค.:  CPF, DOHOME, PHG, SAPPE, TTA

FSSIA Portfolio :  AOT, BDMS, CPALL, CPN, GPSC, KCG, SHR, SJWD, TIDLOR, TU

 

หุ้นเด่นวันนี้ : AP

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 13.20 บาท

• ประกาศ Presales 2Q24 ออกมาแข็งแกร่งที่ 1.44 หมื่นลบ. +49% q-q, +14% y-y ตามมูลค่าการเปิดโครงการใหม่เร่งขึ้นทั้งคอนโดและแนวราบทั้งหมด 21 แห่ง มูลค่ารวม 2.55 หมื่นลบ. (+404% q-q, +51% y-y) หรือคิดเป็นกว่า 44% ของแผนทั้งปี

• สำหรับกำไร 2Q24 คงคาดเร่งขึ้น q-q อยู่ระดับที่ดี 1.2 พันลบ. +22% q-q, -20% y-y ผลักดันจากการเริ่มโอน 2 คอนโดใหม่ ด้าน Valuation น่าสนใจอย่างมาก ปัจจุบันเทรด 2024PER เพียง 4.2 เท่า และคาดให้ปันผล 8.5% ต่อปี 

• แนวรับ 8-7.85 บาท แนวต้าน 8.50//9 บาท

 

**บล.ดาโอ คาดดัชนีฯ ยังมีแรงส่งต่อ นักลงทุนสลับเข้าหุ้น Domestic ผสมหุ้นราคาลงมาลึก ทั้งนี้ ข่าวในเชิงลบต่อตลาด ทยอยลดลงไป ของไทย น่าจะเหลือเรื่องการวินิจฉัยคำร้อง นายกฯ+ก้าวไกล ซึ่งจะทำให้ตลาดหุ้นยังไปไหนไม่ได้ไกล (จนกว่าจะทราบผล) แต่หากวันใดที่ทราบผลของนายกฯ และผลให้อยู่ต่อ จะเป็นบวกต่อตลาดมากขึ้น สำหรับปัจจัยหนุนให้ตลาดหุ้นไทยฟื้นในช่วงนี้ น่าจะเป็นเรื่อง การลดดอกเบี้ยของ Fed ในอีกไม่นาน (ไม่เกิน พ.ย.) และ การใช้มาตรการคุมการซื้อขาย (ทำให้แรงขายลดลง)

 

•  ตลาดหุ้นต่างประเทศ ยังรอดูตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ 4 ตัวที่จะรายงานปลายสัปดาห์นี้ ประกอบด้วย ตัวเลขเงินเฟ้อของจีน (10%) ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ (11) และตัวเลขเงินเฟ้อผู้ผลิตของสหรัฐฯ (12) และตัวเลขส่งออกจีน (12)

 

• คืนนี้ (9) ประธาน Fed จะมีการแถลงนโยบายการเงินต่อ Senate Banking Committee ซึ่งจะทำให้พอคาดการณ์ผลประชุม FOMC ในวันที่ 31 ก.ค.ได้ แต่เราเชื่อว่า ประธาน Fed ยังไม่น่ามีมุมมองที่แตกต่างจากสัปดาห์ก่อน คือ รอดูข้อมูล(เงินเฟ้อ+สงคราม) ก่อนตัดสินใจ โดยโอกาสในการลดดอกเบี้ยครั้งแรกของ Fed ปีนี้โดย CME FedWatch Tool   จะเป็นเดือน พ.ย.

 

•  ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศเริ่มซื้อตราสารหนี้โดยมีสัญญาขายคืน (ทำ Reverse Repo) ตลาดเชื่อปูทางไปสู่การจำกัดความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยให้แคบลง และกำหนดใช้อัตราดอกเบี้ยนโยบายระยะสั้น เพียงอัตราเดียว …. ดัชนีตลาดหุ้นจีน (CSI300) ปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดของปี (20 พ.ค.) มาแล้ว 8.1% จากความกังวลในเรื่องทิศทางเศรษฐกิจและอาจกลัวเรื่อง Trade War

 

• ราคาทองยังถูกกดดันจากการที่นักลงทุนหันไปซื้อสินทรัพย์เสี่ยง เช่นหุ้น หลังจากดัชนี S&P500 และ Nasdaq ตลาดหุ้นสหรัฐทำนิวไฮอย่างต่อเนื่อง

 

• นายกฯ เตรียมแถลง วันลงทะเบียน "ดิจิทัลวอลเล็ต" 24 ก.ค. ก่อนเสนอเข้า ครม. เริ่มจ่ายเงิน Q4/67 ยืนยันกรอบวงเงินที่ใช้ในโครงการเดิม 5 แสนล้านบาท

 

• กรมสรรพสามิต เผยอยู่ระหว่างของกลาง 7 พันล้านบาท จ่ายอุดหนุนให้รถยนต์ EV 35,000 คัน ตามมาตรการ EV 3.0 ของรัฐบาล หลังจากได้จ่ายเงินอุดหนุนให้รถ EV รอบแรกไปแล้ว 40,000 คัน วงเงิน 7 พันล้านบาท ทั้งนี้ มาตรการ EV 3.0 นั้นจะใช้งบประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท

 

•  Event สำคัญๆ วันนี้: ประชุม ครม. และ ประธาน Fed แถลง ต่อคณะกรรมาธิการการเงินของสภาฯ

 

**บล.คิงส์ฟอร์ด วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,310 – 1,315 แนวต้าน 1,330 คาดดัชนีได้ปัจจันหนุนจากคาดเฟดจะลดดอกเบี้ย และเม็ดเงินใหม่จากกองทุน Thai ESG โดยอาจเลือกขายทำกำไรบางส่วนบริเวณแนวต้าน แนะนำทยอยซื้อกลุ่มอุปโภค เช่น CPALL,CPAXT, OSP,CBG, NEO ได้ประโยชน์จาก ม.กระตุ้นการบริโภค/ ส่งออกอาหาร CPF,GFPT,ITC,STA ได้แรงหนุนจากยอดส่งออก/ ไอซีที ADVANC,TRUE,INSET จากการลงทุนด้าน Data, AI  

 

CKP* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 4.70 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 2Q67-3Q67 จะฟื้นตัวต่อเนื่อง QoQ จากสถิติปริมาณน้ำที่ไหลเข้าเขื่อน NN2 เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล เช่นเดียวกับปริมาณน้ำโขงที่ผ่านเขื่อนไซยะบุรีเพิ่มขึ้น เนื่องจากประเทศจีนมีการเร่งระบายน้ำออกมามากขึ้น ทั้งนี้ 2H67 คาดปรากฎการณ์ La Nina จะเริ่มเด่นชัดขึ้นส่งผลบวกต่อปริมาณน้ำฝน ส่วนโรงไฟฟ้าหลวงพระบาง (LPCL) ที่ CKP ถือหุ้น 50% กำลังผลิตไฟฟ้ารวม 1,460MW กำหนด COD ขายไฟฟ้าให้ กฟผ.ปี 2573 อิงจาก Consensus ตลาดคาดกำไรปี 67-68 ที่ 1.83 พันล้านบาท (+25%YoY) และ 2.08 พันล้านบาท (+14%YoY)

 

ITEL* (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 3.60 บาท) ภาพการดำเนินงานในช่วง 2Q67 อาจมีผลกระทบจากความล่าช้าในการผ่านงบประมาณปี2567 อยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม คาด 2H67 จะเริ่มเห็นประมูลงานใหม่ๆเพิ่ม โดย ณ สิ้น มี.ค.67 บ.มี backlog ที่ 2,471 ลบ.(คาดรับรู้ในปีนี้ 1,390 ลบ.) นอกจากนี้ ITEL* ยังมีปัจจัยบวกปีนี้เพิ่มเติมจาก 1.การเริ่มรับรู้รายได้จาก GLS(Health Tech) และ 2. story จากการ Spinoff BLUE (ผู้ให้บริการ System Integration ด้าน ICT) ทั้งนี้ตลาดคาดว่าในปี67 และ68 กำไรสุทธิของ ITEL* จะอยู่ที่ระดับ 323 ลบ.(+18.70%YoY) และ 364 ลบ.(+12.69%YoY)

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง