รีเซต

น้ำท่วมปั่นป่วน โลกร้อนเป็นไฟ...สภาพอากาศกำลังแปรปรวนทั่วโลก ในทุกทวีปทั่วโลก

น้ำท่วมปั่นป่วน โลกร้อนเป็นไฟ...สภาพอากาศกำลังแปรปรวนทั่วโลก ในทุกทวีปทั่วโลก
TNN World
14 สิงหาคม 2564 ( 08:19 )
124
น้ำท่วมปั่นป่วน โลกร้อนเป็นไฟ...สภาพอากาศกำลังแปรปรวนทั่วโลก ในทุกทวีปทั่วโลก

ข่าววันนี้ น้ำท่วมปั่นป่วน โลกร้อนเป็นไฟ...สภาพอากาศกำลังแปรปรวนทั่วโลก ในทุกทวีปทั่วโลก

 

ตุรกีเจอทั้งน้ำท่วมทั้งไฟป่า


น้ำท่วมสร้างความปั่นป่วนโกลาหลในหลายจังหวัดทางภาคเหนือของตุรกี ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลเพิ่งประกาศว่า ไฟป่าในหลายพื้นที่ในภูมิภาคชายฝั่งทะเลภาคใต้ ที่โหมลุกไหม้มานาน 2 สัปดาห์ อยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว 

 


ทั้งน้ำท่วมและไฟป่า ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 8 ราย และทำลายพื้นที่ป่าไปจำนวนหลายแสนไร่ เกิดขึ้นในสัปดาห์เดียวกันกับที่คณะกรรมการชุดหนึ่งของสหประชาชาติ หรือ UN แถลงเตือนว่า ภาวะโลกร้อนอยู่ในจุดที่อันตรายใกล้ควบคุมไม่ได้แล้ว

 


เจ้าหน้าที่กล่าวว่า มีผู้เสียชีวิต 15 ราย ในเหตุการณ์น้ำท่วมในจังหวัดคัสตาโมนู และอีก 2 รายในจังหวัดซีนอพ, ตอนนี้ เจ้าหน้าที่ยังคงเดินหน้าปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัย 

 


ด้านสำนักงานป้องกันภัยพิบัติและสถานการณ์ฉุกเฉินของตุรกี หรือ AFAD แถลงว่า มีประชาชนกว่า 1,400 คนอพยพออกจากพื้นที่ประสบภัย บางคนได้รับความช่วยเหลือโดยเฮลิคอปเตอร์และเรือ และประมาณ 740 คนถูกอพยพไปพักในหอพักนักศึกษา 

 


เฮลิคอปเตอร์หลายลำหย่อนเจ้าหน้าที่ยามฝั่งลงบนหลังคาอาคารต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ติดค้าง ขณะที่กระแสน้ำที่เชี่ยวกรากไหลทะลักผ่านถนนหลายสาย ซึ่งทางกระทรวงมหาดไทยของตุรกีได้เผยแพร่ภาพที่น่าสะพรึงกลัวผ่านทางโซเชียลมีเดียด้วย

 


น้ำท่วมครั้งนี้ ยังสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานสำคัญต่าง ๆ โดยเฉพาะไฟฟ้า ส่งผลให้ประชาชนประมาณ 330 หมู่บ้านไม่มีไฟฟ้าใช้ มีสะพาน 5 แห่ง พังถล่มและอีกหลายแห่งได้รับความเสียหาย ทำให้ต้องปิดถนน ซึ่งก็พังเสียหายด้วย

 


มนุษย์ตัวการโลกร้อนอย่างไม่ต้องสงสัย

 


นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพภูมิอากาศ กล่าวว่า ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ หรือภาวะโลกร้อน จากการเผาไหม้ของถ่านหิน, น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ กำลังเป็นปัจจัยเร่งเร้าให้เกิดสภาพอากาศวิปริตแปรปรวนมากขึ้น เช่นคลื่นความร้อน, ภัยแล้ง, ไฟป่า, น้ำท่วมและพายุ ภัยพิบัติเหล่านี้คาดว่าจะเกิดถี่ขึ้นบนโลกที่อุณหภูมิกำลังร้อนขึ้น

 


ส่วนเหตุน้ำท่วมรุนแรงในเมืองสุ่ยโจว มณฑลหูเป่ย ทางตอนกลางของประเทศจีน ก็นับว่ารุนแรงเอาการ โดยมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 21 คน และสูญหายอีก 4 คน

 


ขณะที่เมืองอื่น ๆ ในหูเป่ย รวม 5 เมือง ประกาศภัยฉุกเฉินระดับสีแดงแล้ว

 


เหตุน้ำท่วมเกิดขึ้น หลังจากที่ฝนตกอย่างหนักในสุ่ยโจว ตั้งแต่คืนวันพุธ ถึงเที่ยงวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้น ฝนตกหนักกระทบประชาชนมากกว่า 8,000 ครัวเรือน และสร้างความเสียหายให้บ้านเรือนและร้านค้าเกือบ 3,000 หลัง โดยมี 221 หลังพังเสียหายยับเยิน ยังมีสะพาน 63 แห่งขาด และเสาไฟกว่า 725 ต้นเสียหาย กระทบต่อการจ่ายไฟเป็นวงกว้างทั้งเมือง 

 


ทางการท้องถิ่นได้ส่งส่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการกู้ภัย 173 นาย และเรือกู้ภัยอีก 13 ลำเข้าไปในพื้นที่แล้ว 
ทั้งนี้ เหตุฝนตกอย่างหนัก กระทบต่อประชาชนทั้งมณฑลมากกว่า 100,000 ครัวเรือน นับตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา นำมาสู่ภัยธรรมชาติหลายอย่างตามมา รวมถึงพายุลูกเห็บด้วย 

 


ญี่ปุ่นเผชิญฝนตกหนัก

 


ขณะที่พื้นที่ทางใต้ของญี่ปุ่น เผชิญกับฝนตกอย่างหนัก ทำให้กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือนความเสี่ยงสูงสุดระดับที่ 5 ที่จะเกิดน้ำท่วมมในจังหวัดฮิโรชิมา หลังปริมาณฝนในภูมิภาคสูง จนเสี่ยงให้เกิดน้ำท่วม และภัยธรรมชาติอื่น ๆ ตามมา แม้ว่าภายหลังจะมีการประกาศลดการเตือนความเสี่ยงลงแล้วก็ตาม 

 


แต่ทั้งจังหวัดฮิโรชิมา และพื้นที่อื่น ๆ ของเกาะคิวชู ยังคงมีความเสี่ยงจะเกิดดินถล่ม และน้ำท่วมบางจุดได้ ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยา ระบุว่า ญี่ปุ่นอาจต้องเผชิญกับฝนตกหนักต่อไปอีกราว 1 สัปดาห์ 

 

ด้านนายกรัฐมนตรี โยชิฮิเดะ ซูงะ ได้ประกาศจัดตั้งศูนย์ควบคุมภัยพิบัติขึ้นในวันนี้ เพื่อรับมือกับภัยร้ายที่อาจเกิดขึ้น 

 


อุณหภูมิโลกจะสูงขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้


รายงานล่าสุดของคณะกรรมการขององค์การสหประชาชาติด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก หรือ IPCC (Intergovernmental Panel on Climate Change) เตือนว่า วิกฤตสภาพอากาศโลกได้เข้าสู่ระดับ ‘สีแดง’ แล้ว ซึ่งภายในปี 2030 อุณหภูมิโลกโดยเฉลี่ยจะสูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียสเหนือระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม

 


อุณหภูมิเพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่ผู้เชี่ยวชาญเคยคาดการณ์ไว้ถึง 10 ปีเลยทีเดียว

 


การศึกษาของ IPCC ระบุด้วยว่า ผลกระทบที่คาดว่าจะตามมาในไม่ช้านี้ ได้แก่ ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่จะเลวร้ายขึ้นอย่างมาก

 


ข้อมูลข้างต้นเป็นผลจากการวิจัยกว่า 14,000 ฉบับที่ได้รับการยืนยันจากนักวิทยาศาสตร์ร่วม 200 คนทั่วโลก ซึ่งผู้นำจากนานาประเทศจะใช้รายงานชิ้นล่าสุดนี้เป็นรากฐานในการออกมาตรการแก้ไขและรับมือปัญหาด้านนี้อย่างเร่งด่วน ณ การประชุมภาคีสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ COP26 ที่จะเริ่มขึ้นในวันที่ 13 ตุลาคมนี้ ที่เมืองกลาสโกว ในสหราชอาณาจักร

 


รายงานจากสหประชาชาติหรือ UN ชิ้นนี้ได้ถูกตีพิมพ์เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ซึ่งตรงกับช่วงที่เกิดภัยพิบัติจากสภาพอากาศที่แปรปรวนในประเทศต่าง ๆ ในซีกโลกเหนือ เช่น ไฟป่าดิกซี (Dixie Fire) ที่ขึ้นแท่นเป็นไฟป่าที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ของรัฐแคลิฟอร์เนีย หรือ คลื่นความร้อนในประเทศกรีซที่ส่งผลให้เกิดไฟป่า ทำให้ท้องฟ้าทั่วเกาะเอเวีย ที่อยู่ทางตอนใต้ของประเทศกลายเป็นสีแดงฉาน


ขณะเดียวกัน ทั้งตรุกีและอิตาลีก็เผชิญกับมหัตภัยไฟป่าเช่นกัน และอุณหภูมิในประเทศแถบทะเล

 

เมดิเตอร์เรเนียนได้พุ่งสูงขึ้นถึง 45 องศาในช่วงหลายวันที่ผ่านมา โดยนักวิทยาศาสตร์เตือนว่าภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนจะเกิดไฟป่าขึ้นตลอดเวลาในอนาคต สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น สถานการณ์ข้างหน้าจะเลวร้ายกว่านี้มาก

 


นอกจากนี้ รายงานจาก UN ยังได้ระบุว่า โลกมีโอกาสที่จะมีระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นกว่า 2 เมตรภายในปลายศตวรรษที่ 21 และอาจจะส่งผลกระทบต่อประชากรหลายล้านคนที่อาศัยตามชายฝั่งทะเลในประเทศต่าง ๆ ส่วนพื้นที่ในบริเวณขั้วโลกเหนืออาจจะเผชิญกับฤดูร้อนที่ไม่มีน้ำแข็งเลยอย่างน้อยหนึ่งครั้งภายในเวลา 29 ปีข้างหน้านี้

 



เรื่อง : สันติ สร้างนอก
ภาพ : Reuters
ข้อมูลอ้างอิง : การรวบรวมของทีมข่าว TNN World

--------------------

เกาะติดสถานการณ์โควิด-19  ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณ
คลิกเลย!! >>> รู้ทันกันโควิด <<< หรือ กด *301*35# โทรออก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง