ในวันที่ทองคำ เป็นอีกช่องทางสำหรับการลงทุน มีคนสนใจเข้าสู่วงการเทรดทอง ในขณะที่ราคาทองคำมักจะสร้างสถิติเสมอ ทั้งราคาขึ้นสูงสุด และราคาลงต่ำ ความผันผวนเกิดขึ้นทุกวัน วันละหลายรอบ วันนี้เราจะถอดรหัสภาษาลับของวงการเทรดทองคำ ที่ฟังดูยากแต่ความหมายตลกร้ายและเข้าใจง่าย จะได้ไม่เครียด ดอย คือ ยอดภูเขาสูงสุด และราคาทองไม่ยอมไปต่อ กลายเป็น "จุดพักใจ" ที่สูงเสียดฟ้าแต่ไร้ซึ่งความอบอุ่น จะหนาวสั่นเหมือนอยู่ยอดเขาตลอดเวลา ติดดอย: อาการที่เงินทุนถูกแช่แข็งอยู่บนยอดเขาสูง มองลงมาเห็นแต่เหว รอคอยราคากลับมา ดอยราคา/ดอยบาท: ความหนาวเย็นที่วัดเป็นตัวเลขราคา หรือวัดเป็นจำนวนเงินบาท หรือ สาย spot จะวัดด้วย USD ลงดอย: กริยาของราคาทอง "กลับตัวมาหา" จุดที่เราซื้อ ทำให้พอร์ตกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง บางครั้งจะมาคู่กับคำว่า คัทลอส (Cut Loss) หรือ ขายหมู เม่า ไม่ใช่แมลง แต่คือ "นักผจญภัยในตลาดทองคำ" ที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง (เกินไป) มักจะทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับที่ควร ยินดีและพร้อมเสมอที่จะบินเข้ากองไฟ ใครห้ามก็ไม่ฟัง มักจะมากับพฤติกรรม ซื้อเขียว ขายแดง" หรือ "ซื้อแพง ขายถูก" มักจะเข้าซื้อในช่วงที่ราคาทองพุ่งแรงด้วยความตื่นเต้น และขายทิ้งตอนที่ราคาทองตกต่ำที่สุดด้วยความตื่นตระหนก เม่าสวนใหญ่จะมีประสบการณ์ท่องเที่ยวธรรมชาติต้องขึ้นดอยสูงๆ ไปพักใจหนาวๆ (ติดดอย) และต้องทำภารกิจ "กระโดดลงน้ำตก" (คัทลอส/ขาดทุนหนักๆ) เพื่อชำระล้างพอร์ตบ่อยๆ เจอทั้งกราฟโหด ข่าวร้าย และคำหลอกล่อมามากมาย จนวิวัฒนาการเป็น "เม่าตายยาก" หรือข้ามไปเป็น "แมว 9 ชีวิต (สายทอง)" ที่ไม่ว่าจะขาดทุนซ้ำกี่รอบ พร้อมสู้ตายในตลาดต่อไป จนกว่าเงินจะหมด หรือ ถ้าเม่าทับมือเก่ง เป็นเม่าที่มีสติในการห้ามใจตัวเองไม่ให้กดซื้อเวลาตลาดเขียวหรือขายเวลากราฟแดง ทั้งๆ ที่มือมันสั่นอยากจะกด ก็จะช่วยอาการติดดอยได้ คัทลอส แปลตรงๆ คือ "ตัดขาดทุน" เป็นการ "ยอมรับความพ่ายแพ้" เล็กน้อยก่อนที่จะล้มละลายทั้งหมด เปรียบเหมือนการ "ผ่าตัดเล็ก" เพื่อรักษาชีวิต (เงินที่เหลือ) ไว้ อย่าปล่อยให้แผลเล็กกลายเป็นมะเร็งร้าย กราฟแดงเต็มจอ จนเกิดอาการ "แพนิค" ร้อนรุ่ม มือไม้สั่น ไม่เป็นอันกินอันนอน มือลั่นใส่ปุ่ม Sell ทันทีที่สมองสั่งการว่าเป็นการตัดสินใจที่รวดเร็ว (แต่ไม่ได้ฉลาด) ในยามคับขัน กอดเงินสดที่เหลือไว้แน่น พร้อมปลอบใจตัวเองด้วยคติประจำใจว่า "ดีกว่าติดดอย" แม้ในใจก็เจ็บปวดกับเงินที่หายไป มักจะ "คัท" ที่ "จุดต่ำสุด (Bottom)" ของรอบนั้นพอดี และทันทีที่ขายไป ราคาทองก็อาจจะเด้งกลับขึ้นมาทันที เหมือนตลาดจงใจรอให้เม่าคัทก่อนถึงจะวิ่ง เหมือนการ "กระโดดหนีออกจากเรือตอนที่คลื่นเริ่มซัดแรง" โดยไม่รู้ว่าถ้าทนอีกนิดเรือจะถึงฝั่งแล้ว ขายหมู คือ "ความสุขแบบชั่ววูบ" เกิดขึ้นเมื่อกำไรโผล่มาทักทาย แล้วรีบปิดทำกำไรไปอย่างรวดเร็ว (แต่ช้าก่อน! ราคากำลังจะไปต่อแบบจรวด) เราจะเป็นพ่อค้าขายหมูได้ 3 อย่างคือ หมูสด หมูกรอบ และ หมูหัน หมูสด กราฟเขียวปุ๊บ กดขายปั๊บ (กลัวว่ากำไรจะหาย) อาการนี้มักเกิดจากการ "ติดดอยนานและคิดถึงบ้าน" เห็นกราฟเขียวแม้ตัวเลขกำไรนิดเดียวก็อยาก "ลงดอยกลับบ้าน" แล้ว ได้กำไรน้อยมาก หรือบางทีแทบไม่กำไรเลย แต่รู้สึกโล่งใจ และพอกดขายปุ๊บ ราคาทองจะพุ่งแรงขึ้นทันที หมูกรอบ ความลังเลระดับ 10 กลัวก็กลัว กล้าก็กล้า กราฟยึกยักให้ลุ้นจนหัวใจเต้นผิดจังหวะ สุดท้ายทนแรงกดดันไม่ได้ กด Sell อยู่ดี ได้กำไรพอประมาณ แต่หลังจากกดขาย ราคาทองจะวิ่ง Sideway Up (ค่อยๆ ไต่ขึ้น) ให้รู้สึกเสียดายเล่นๆ ว่าถ้าทนอีกนิดจะได้ "หมูหัน" (กำไรก้อนใหญ่) ไปแล้ว หมูหัน ระดับสูงสุดของความหมู คือการได้กำไรมาเยอะพอสมควร แต่เห็นสัญญาณย่อตัวนิดหน่อยก็รีบขายออกไปทันที ขายเสร็จปุ๊บ ราคาวิ่งต่อไม่หยุดไปทำจุดสูงสุดใหม่ All Time High สรุป ศัพท์เหล่านี้ล้วนเป็นกระจกสะท้อนพฤติกรรมของเราเองทั้งสิ้น การ "ติดดอย" คือผลจากการเทรดด้วยความโลภที่เข้าซื้อช้าไป ส่วนการ "ขายหมู" คือความกลัวที่ทำให้รีบปิดกำไรเร็วเกินไป หากเราเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการเปรียบเทียบเหล่านี้ เราจะตระหนักได้ว่า ตลาดทองคำไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลข แต่คือสงครามระหว่าง "สติ" กับ "อารมณ์" ของเราเอง เครดิตภาพประกอบโดยผู้เขียน bepaopao รีวิว การออมทอง ในแอป TrueMoney เริ่มต้น 100 บาท ออมทองคำ ปี 2568 รู้ทัน ราคาทอง ครึ่งปีหลัง มือใหม่เทรดทองต้องดู 4 Watchlist ใน TradingView ทองคำ เรื่องต้องรู้ ฉบับมนุษย์เงินเดือน ฟรี e-Book ด้านการลงทุน แนะนำ 3 เล่ม สำหรับมือใหม่ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !