สวัสดีครับทุกคน ผมกล้อง คนรักเสียงเพลงนะครับ วันนี้ผมมีเทคนิคการร้องเพลงให้ไพเราะ น่าฟัง ดูดีมีสไตล์ มาฝากทุก ๆ คนครับ แต่ผมต้องขอบอกก่อนเลยนะครับว่าเทคนิคของผมสามารถทำให้ผู้ฟังสนใจเราขณะกำลังร้องเพลงได้จริง ๆ และเป็นเทคนิคที่ไม่ยาก แต่ต้องใช้เวลาฝึกฝนให้ชำนาญ ก่อนที่จะไปร้องให้คนอื่นฟัง เพราะการร้องเพลงให้ไพเราะจำเป็นต้องอาศัยการซ้อมในบทเพลงนั้นให้เกิดความเคยชินในแต่ละท่อนก่อน ต้องทำความเข้าใจในเรื่องของอารมณ์ในแต่ละบทเพลง เพื่อที่จะสามารถถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกให้ผู้ฟังได้ และสามารถใส่เทคนิคลงไปในบทเพลงได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม มาดูเทคนิคของผมกันเลยดีกว่าครับ1. ปรับคีย์ดนตรีให้เข้ากับเสียงร้องของตัวเองก่อนจะร้องเพลงให้เพราะได้ต้องรู้จักเลือกคีย์ดนตรีให้เหมาะสมกับเสียงของเราด้วยนะครับ เพราะสรีระร่างกายของคนเราไม่เหมือนกัน อย่างเช่น ผู้ชายจะสามารถร้องโน้ตได้ต่ำมาก ๆ ผู้หญิงไม่สามารถร้องต่ำได้ขนาดนั้น แต่ผู้หญิงก็สามารถร้องเสียงได้สูงกว่าผู้ชายได้เป็นที่แน่นอน ถ้าเรามีความรู้สึกว่าเราร้องเสียงต่ำมาก ๆ ลองบอกให้นักดนตรีเปลี่ยนคีย์ที่สูงขึ้น หรือถ้าร้องคาราโอเกะจะมีปุ่มไว้สำหรับปรับคีย์ ถ้าต้องการให้ดนตรีตรีสูงขึ้นให้กดบวก ถ้าต้องการให้ดนตรีเสียงต่ำให้กดลบ เอาง่ายๆ บวกคือเพิ่มคีย์ให้สูงขึ้น ลบคือลดคีย์ให้ต่ำเท่านั้นเองครับ เมื่อคีย์เสียงเข้ากับเสียงร้องของเราแล้วจะรู้สึกได้ว่าเราสามารถร้องเสียงสูงหรือเสียงต่ำได้พอดีทั้งเพลง ร้องเสียงสูงจนสุดแล้วสามารถขึ้นถึงโน้ตตัวนั้นได้ หรือโน้ตต่ำ ๆ ก็สามารถร้องออกมาเป็นคำที่ฟังชัดเจน และที่สำคัญต้องร้องให้ตรงคีย์เสียงของตัวเองด้วยนะครับ ถ้าร้องเพี้ยนก็ยังต้องฝึกฝนเพิ่มอีก2. ร้องถูกต้องตามอักขระภาษาในบทเพลงนั้น และร้องเสียงดังกังวาน ฟังชัดเจนทุกคำการจะร้องเพลงให้ไพเราะได้นั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือจะต้องร้องให้ถูกอักขระภาษาในบทเพลง เช่น คำควบกล้ำ ร ล และคำอื่น ๆ ที่จะต้องร้อง ให้ความสำคัญกับทุก ๆ คำ และจำไว้ว่าทุกคำจะต้องฟังชัด เราร้องคำว่าอะไร ผู้ฟังจะต้องฟังออก เราควรจะร้องให้เสียงดังและกังวาน ปล่อยเสียงกว้างๆให้เสียงพุ่งออกมาเป็นวงกว้าง เหมือนเรากำลังร้องให้ผู้ชมทั้งงานคอนเสิร์ตฟัง บางครั้งถึงแม้ว่าจะมีผู้ฟังที่มาฟังเราร้องแค่หนึ่งหรือสองคนก็ยังให้คงความรู้สึกเดิมไว้คือให้รู้สึกว่าเสียงพุ่งออกมาเป็นวงกว้าง อย่าร้องดังเกินไป ร้องดังในระดับที่พอดี ไม่แสบหู3. สไตล์การร้องต้องเป็นเสียงของตัวเองให้มากที่สุดต้องร้องเพลงให้เป็นเสียงของตัวเองให้มากที่สุด ไม่เลียนแบบเสียงของนักร้องที่เป็นต้นฉบับมากเกินไปเพราะอาจจะทำให้ผู้ฟังไม่เห็นถึงสไตล์การร้องที่เป็นเอกลักษณะของเรา ในบทเพลงให้สื่ออารมณ์ออกมาในสไตล์ของตัวเองให้มากที่สุด รู้สึกแบบไหนก็ให้ร้องไปตามความรู้สึกนั้น ร้องเพลงด้วยความรู้สึกจะทำให้เกิดสไตล์การร้องในแบบของเราที่เป็นเอกลักษณ์โดยอัตโนมัติรูปประกอบโดยเจ้าของบทความ4. ทำเสียงให้กลมไม่แบนและนุ่มนวลการทำเสียงให้กลมง่ายๆโดยการซ้อมร้องคำว่า ”โก” และใส่ลงไปในเนื้อเพลงทุก ๆ คำให้ร้องเป็นคำว่า “โก” หรือคำว่า “กู” ก็ได้ ถ้าเสียงกลมจะให้ความรู้สึกว่ามีสระโอผสม ๆ นิด ๆ จากนั้นให้ลองเปลี่ยนมาร้องคำว่า “กี” ในทุก ๆ คำ จะสังเกตได้ว่าเสียงจะแบน ๆ แข็ง ๆ เหมือนเป็ด และไม่น่าฟัง เวลาร้องให้คงความรู้สึกตอนร้องคำว่า “โก” ในทุก ๆ คำ จะทำให้เสียงไพเราะขึ้นและน่าฟังขึ้น ฟังนุ่มนวลมากขึ้นอย่างแน่นอน5. ถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกในแต่ละท่อนเพลงให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้รูปประกอบโดยเจ้าของบทความเรื่องของอารมณ์ในบทเพลงถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง เพราะถ้าร้องเพลงแบบไร้อารมณ์ ไม่มีความรู้สึก เพลงที่เราร้องก็จะหมดความน่าสนใจไปในระดับหนึ่ง ถ้าอยากร้องเพลงให้เพราะก็ต้องใส่ใจเนื้อเพลงของแต่ละบทเพลงให้ดี ๆ ดูว่าเพลงให้อารมณ์แบบไหน เพลงเศร้าเราก็ต้องร้องให้คนอื่นเข้าใจว่าเรากำลังผิดหวัง เพลงสนุกสนาน ก็อาจจะร้องไปด้วยเต้นไปด้วยนิดหน่อยก็ได้ ตามอารมณ์ของบทเพลงนั้น ๆ เพื่อให้เกิดสีสันและเพิ่มความน่าสนใจได้มากเลยทีเดียว6. แบ่งวรรคหายใจให้ถูกต้องการแบ่งวรรคหายใจ เอาง่ายๆเลยคือหายใจก่อนที่จะร้องและเก็บลมขณะร้องไว้จนจบประโยค ถ้าลมยังเหลือให้ร้องท่อนต่อไปได้เลย ท่อนไหนที่มีการเว้นวรรคสามารถหายใจได้ เพื่อเตรียมตัวร้องท่อนต่อไป เช่น ท่อนที่ร้องว่า มีวาฬตัวหนึ่งลอยว่ายน้ำมา (หายใจ) ดูเจ็บช้ำทรวงอุรากว่าที่เคย ถ้าแบ่งวรรคหายใจไม่ถูกต้องจะทำให้เกิดการติดขัดและฟังไม่ลื่นไหลของประโยคทันที เช่น มีวาฬ (หายใจ) ตัวหนึ่งลอยว่ายน้ำมา ดูเจ็บช้ำทรวงอุรากว่าที่เคย เป็นต้น7. ยืนร้อง อกผาย ไหล่ผึ่ง ลักษณะท่าทางขณะร้องเพลงต้องดูดีรูปประกอบโดยเจ้าของบทความบุคลิกถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ เพราะบุคลิกที่ดีนอกจากจะน่ามองแล้ว ยังทำให้ผู้ฟังเห็นถือความตั้งใจของเราที่จะร้องให้ผู้ฟังได้ฟังกันอีกด้วย ท่าทางการร้องที่ดีควรจะ ยืนร้อง อกผาย ไหล่ผึ่ง ไม่ยืนหลังค่อม หรือลักษณะท่าทางที่ไม่น่ามอง ทำท่าทางประกอบด้วยก็ได้ เช่น ถ้าในเพลงร้องว่า “ใจสู้หรือหรือเปล่าว” อาจจะทำไม้ทำมือแสดงออกให้ผู้ฟังรู้มีกำลังใจ หรือลองยืนร้องหน้ากระจกดูแล้วสังเกตว่าแบบไหนที่ดูดีและน่ามอง ถ้าเรามีบุคลิกที่กล่าวมาจะทำให้เรามั่นใจในขณะร้องมากขึ้นอีกด้วย8. Dynamic ของแต่ละท่อนต้องร้องให้แตกต่างกันDynamic เป็นตัวแสดงถึงความแตกต่างในแต่ละท่อนเพลง ในแต่ละท่อนเพลงจะใช้ Dynamic ที่แตกต่างกัน ขณะกำลังร้องก็ควรจะร้องให้มี Dynamic ด้วย เช่น ท่อน Verse ไม่ต้องร้องดังมาก ท่อน Pre chorus ให้ร้องดังขึ้น และท่อน Hook ให้ร้องดังกว่าทุก ๆ ท่อน ถ้าทำตามลักษณะที่กล่าวมานี้ เพลงที่เราร้องจะไม่แบน และจะฟังไพเราะมากยิ่งขึ้น9. รูปปากสำคัญมากๆ ควรอ้าปากกว้างๆรูปประกอบโดยเจ้าของบทความตอนร้องต้องอ้าปากกว้าง ๆ เพื่อให้เสียงกังวาน ไม่ใช่ร้องงึมงัม ๆ จะทำให้ผู้ฟังเขาฟังเราไม่รู้เรื่อง อ้าปากกว้าง ๆ เหมือนตอนเราตะโกน แต่ไม่ต้องตะโกนนะ ให้อ้าปากกว้างๆเหมือนตอนเราตะโกนแต่น้ำเสียงยังนุ่มและน่าฟังอยู่ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับบทเพลงที่เรากำลังร้องด้วยนะครับ ถ้าเพลงเร็ว รูปปากอาจจะแคบกว่าแต่ก็ยังคงไว้ถึงความชัดเจนและความก้องกังวานอยู่ด้วยครับ10. ซ้อมร้องและแก้ไขข้อผิดพลาดของตัวเองทุกวันรูปประกอบโดยเจ้าของบทความการแก้ไขข้อผิดพลาดเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญสำหรับการร้องเพลงให้เกิดความไพเราะมากยิ่งขึ้น เพราะถ้าหากเราไม่ฝึกซ้อมตามที่ได้กล่าวมา ก็จะไม่สามารถทำให้เราร้องเพลงเพราะขึ้นได้เลย เมื่อเรารู้ตัวว่าท่อนไหนยังไม่ดีให้รีบแก้ เช่น มีปัญหาเรื่องของการออกเสียงคำควบกล้ำ ก็ให้เริ่มจากการอ่านคำนั้นให้ชัดเจนเสียก่อน แล้วจึงใส่ทำนองลงไป แล้วซ้อมร้องให้ชัดเจนเหมือนตอนที่เรากำลังฝึกอ่าน