คำสั่งหรือฟังก์ชันเกี่ยวกับการจัดการข้อความ (string) ใน Excel นั้นมีหลายฟังก์ชันที่มีประโยชน์มาก ช่วยให้เราจัดการข้อความได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการแยกข้อความ รวมข้อความ หรือตัดข้อความบางส่วนออกไป นี่คือคำสั่งพื้นฐานที่คุณควรรู้: 1. LEN – นับจำนวนตัวอักษร ฟังก์ชันนี้ใช้สำหรับนับจำนวนตัวอักษรในข้อความ ไม่ว่าจะเป็นตัวอักษร ตัวเลข หรือเครื่องหมายพิเศษก็นับรวมหมด =LEN(text) ตัวอย่าง: =LEN("Hello") ผลลัพธ์จะเป็น 5 เพราะคำว่า "Hello" มีทั้งหมด 5 ตัวอักษร 2. LEFT – ดึงตัวอักษรจากด้านซ้าย ฟังก์ชันนี้จะดึงข้อความจากทางด้านซ้ายตามจำนวนที่คุณกำหนด เช่น ดึงตัวอักษรสองตัวแรก =LEFT(text, number_of_characters) ตัวอย่าง: =LEFT("Hello", 2) ผลลัพธ์จะเป็น "He" เพราะดึงตัวอักษร 2 ตัวจากทางซ้ายของข้อความ 3. RIGHT – ดึงตัวอักษรจากด้านขวา ฟังก์ชันนี้ทำงานคล้ายกับ LEFT แต่ดึงตัวอักษรจากด้านขวาแทน =RIGHT(text, number_of_characters) ตัวอย่าง: =RIGHT("Hello", 2) ผลลัพธ์จะเป็น "lo" เพราะดึงตัวอักษร 2 ตัวจากทางขวาของข้อความ 4. MID – ดึงตัวอักษรจากตำแหน่งกลาง ฟังก์ชัน MID จะดึงข้อความจากตำแหน่งที่เรากำหนด โดยเริ่มจากตำแหน่งที่ระบุและดึงข้อความตามจำนวนที่ต้องการ =MID(text, start_position, number_of_characters) ตัวอย่าง: =MID("Hello", 2, 3) ผลลัพธ์จะเป็น "ell" เพราะเริ่มดึงจากตัวที่ 2 และดึงออกมา 3 ตัวอักษร 5. CONCAT หรือ TEXTJOIN – รวมข้อความ ฟังก์ชัน CONCAT ใช้สำหรับรวมข้อความหลายๆ ข้อความเข้าด้วยกัน ส่วน TEXTJOIN จะคล้ายกับ CONCAT แต่จะให้เรากำหนดตัวคั่นระหว่างข้อความได้ =CONCAT(text1, text2, ...) ตัวอย่าง: =CONCAT("Hello", " ", "World") ผลลัพธ์จะเป็น "Hello World" และฟังก์ชัน TEXTJOIN: =TEXTJOIN(delimiter, ignore_empty, text1, text2, ...) ตัวอย่าง: =TEXTJOIN(" ", TRUE, "Hello", "World") ผลลัพธ์จะเป็น "Hello World" โดยมีเว้นวรรคระหว่างคำ สำหรับ Excel เวอร์ชั่นที่เก่าๆ หน่อย อาจจะต้องใช้คำสั่ง CONCATENATE แทนนะครับ 6. FIND และ SEARCH – ค้นหาตำแหน่งของข้อความย่อย ฟังก์ชัน FIND และ SEARCH ใช้สำหรับค้นหาตำแหน่งของข้อความย่อยในข้อความใหญ่ โดย FIND จะแยกตัวพิมพ์เล็กและพิมพ์ใหญ่ ส่วน SEARCH ไม่แยกตัวพิมพ์ =FIND(find_text, within_text, [start_num]) =SEARCH(find_text, within_text, [start_num]) ตัวอย่าง: =FIND("l", "Hello") ผลลัพธ์จะเป็น 3 เพราะตัว "l" ตัวแรกอยู่ที่ตำแหน่งที่ 3 7. SUBSTITUTE – แทนที่ข้อความ ฟังก์ชัน SUBSTITUTE ใช้สำหรับแทนที่ข้อความเดิมด้วยข้อความใหม่ในข้อความยาว เช่น แทนที่คำว่า "World" ด้วย "Everyone" =SUBSTITUTE(text, old_text, new_text, [instance_num]) ตัวอย่าง: =SUBSTITUTE("Hello World", "World", "Everyone") ผลลัพธ์จะเป็น "Hello Everyone" 8. TRIM – ตัดช่องว่างเกินออก ฟังก์ชัน TRIM จะช่วยลบช่องว่างที่เกินจากข้อความ โดยคงไว้แค่ช่องว่างระหว่างคำที่จำเป็น =TRIM(text) ตัวอย่าง: =TRIM(" Hello World ") ผลลัพธ์จะเป็น "Hello World" โดยตัดช่องว่างที่เกินออก ช่องว่างด้านในข้อความจะไม่ถูกตัดออก จะถูกตัวเฉพาะช่องว่างส่วนเกินที่อยู่ด้านหน้าและด้านหลังของข้อความเท่านั้นนะครับ 9. UPPER / LOWER / PROPER – เปลี่ยนตัวพิมพ์ ฟังก์ชันเหล่านี้ใช้สำหรับเปลี่ยนตัวอักษรในข้อความ UPPER ใช้เปลี่ยนเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด, LOWER ใช้เปลี่ยนเป็นตัวพิมพ์เล็กทั้งหมด, และ PROPER ใช้เปลี่ยนให้ตัวอักษรแรกของแต่ละคำเป็นพิมพ์ใหญ่ =UPPER(text) =LOWER(text) =PROPER(text) ตัวอย่าง: =UPPER("hello world") =LOWER("HELLO WORLD") =PROPER("hello world") ผลลัพธ์จะเป็น "HELLO WORLD", "hello world" และ "Hello World" ตามลำดับ ฟังก์ชันเหล่านี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดการข้อความใน Excel ใช้งานง่ายและช่วยให้การทำงานกับข้อมูลที่เป็นข้อความมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าคุณจะต้องการดึงคำ ค้นหาข้อความ หรือปรับแต่งให้สวยงาม คุณก็พร้อมลุยได้ทุกสถานการณ์ ภาพโดยนักเขียน หมีขั้วโลก ทอดกรอบ〔´(エ)`〕 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !