ฤดูใบไม้ร่วงไร้เสน่ห์ ภาวะโลกร้อนทำพิษ เปลี่ยนสีช้าลงและซีดกว่าที่เคย

เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงในซีกโลกเหนือ แต่ปีนี้หลายพื้นที่กลับไม่ได้เห็นภาพใบไม้เปลี่ยนสีสดใสเหมือนเคย โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาตะวันออก ตั้งแต่รัฐเมน เวอร์มอนต์ ไปจนถึงนิวยอร์ก ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เคยเป็นไฮไลต์กลับแสดงให้เห็นถึงความไม่แน่นอนมากขึ้นเรื่อย ๆ

ตามปกติ ใบไม้จะเปลี่ยนสีตั้งแต่กลางกันยายนจนถึงต้นพฤศจิกายน กระบวนการนี้เกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิลดลงและช่วงเวลากลางวันสั้นลง ทำให้คลอโรฟิลล์ซึ่งเป็นสารสีเขียวสลายตัว เปิดเผยสีส้ม แดง หรือเหลืองที่ซ่อนอยู่ อย่างไรก็ตาม แต่ละชนิดไม้มีความแตกต่างกัน เช่น แอสเพนเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ส่วนเมเปิลและโอ๊กสร้างสารพิเศษเพื่อให้ใบคงอยู่บนต้นได้นานขึ้น ขณะที่ไม้ยืนต้นอย่างสนยังคงเขียวตลอดปีด้วยโครงสร้างใบที่ป้องกันการสูญเสียน้ำ

นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าภาวะโลกร้อนกำลังเปลี่ยนแปลงฤดูกาลนี้อย่างเห็นได้ชัด บางปีใบไม้เปลี่ยนสีช้าลงเพราะอากาศไม่เย็นพอ บางพื้นที่กลับเห็นเพียงใบสีน้ำตาลร่วงหล่นอย่างรวดเร็วแทนที่จะได้สีแดงสดใส งานวิจัยยังพบว่าในรัฐเมน ช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสีเลื่อนออกไปเฉลี่ยเกือบหนึ่งวันต่อทศวรรษ ซึ่งสอดคล้องกับอุณหภูมิฤดูร้อนที่สูงขึ้น

แม้การเปลี่ยนสีของใบไม้จะยังเกิดขึ้นจากกระบวนการทางเคมีเช่นเดิม แต่สภาพภูมิอากาศที่อุ่นขึ้นกำลังทำให้ปรากฏการณ์นี้ไม่เหมือนที่คุ้นเคยอีกต่อไป ทั้งในด้านความสดของสีและช่วงเวลา นักท่องเที่ยวและผู้ที่หลงใหลในเสน่ห์ฤดูใบไม้ร่วงจึงอาจต้องปรับความคาดหวัง ขณะเดียวกันปรากฏการณ์นี้ก็คือหลักฐานสำคัญอีกชิ้นหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อธรรมชาติรอบตัวอย่างแท้จริง