เรื่องและภาพ : ชานาพิ้งอย่ากลัวที่จะไม่ได้ใช้เงินตอนแก่ แต่จงกลัวที่ตอนแก่จะไม่มีเงินใช้ข้อมูลจากสภาปฏิรูปแห่งชาติระบุว่า ร้อยละ 90 ของประชากรไทย ขาดการเตรียมพร้อมทางการเงินที่ดีเมื่อถึงวัยชรา หลายคนไม่มีเงินเก็บในยามเกษียณ บ้างก็หวังพึ่งพิงลูกหลาน แต่บ้างก็ต้องอยู่อย่างยากลำบากทุกคนคงไม่ยากจะมีชีวิตบั้นปลายเป็นแบบนี้แน่นอน ดังนั้น การเตรียมเงินออมเพื่อใช้ในยามเกษียณให้เพียงพอ จึงเป็นสิ่งสำคัญหากยิ่งเริ่มต้นตั้งแต่อายุน้อย ๆ ยิ่งจะได้เปรียบ เพราะมีทั้งเวลาและมีการเตรียมการให้รอบคอบมากขึ้นบทความนี้จะมาชวนทุกคนวางแผนทางการเงินหลังการเกษียณกัน โดยเป็นการ การคำนวนเงินเพื่อใช้หลังเกษียณ ของเรานั่นเอง ซึ่งหลักการนั้นง่ายมากเพียง 3 ข้อเท่านั้นซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่เราควรคำนึงถึงในการเก็บเงิน ดังนี้ 1. มองอนาคตหลังเกษียณ การมองอนาคตในที่นี้ หมายถึงการมองว่า หลังจากเราเกษียณไปแล้ว จะไปใช้ชีวิตอยู่ที่ไหน และจะใช้ชีวิตแบบไหน อยากทำอะไร ซึ่งในส่วนนี้มันจะสะท้อนถึงค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ ที่เกิดขึ้นได้ เช่น หากอยากใช้ชีวิตอยู่ในเมือง กับลูกหลาน ไปเที่ยวปีละครั้งในประเทศ แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายอาจจะมากกว่า การไปใช้ชีวิตอยู่ในต่างจังหวัด ชนบทหน่อยๆ ไปเที่ยวปีละครั้งในประเทศ2. ประเมินค่าใช้จ่ายรายเดือนยามเกษียณหากเราอยากจะมีเงินใช้จ่ายในวัยเกษียณ เหมือนดังชีวิตก่อนเกษียณ ให้ประเมินรายจ่ายในวัยเกษียณอยู่ที่ 70% ของค่าใช้จ่ายในปัจจุบัน (ในที่นี้ต้องคำนึงว่าภาระของหนี้ การส่งลูก ผ่อนบ้าน รถต่าง ๆ นั้นอาจจะหมดไปหรือทุเลาลงมากแล้ว) โดยอาจจะแจกแจงค่าใช้จ่ายเป็นหมวดต่าง ๆ เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าสาธารณูปโภค ค่าใช้จ่ายสุขภาพ ค่าสันทนาการ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆตรงนี้สำคัญมาก ไม่ควรประเมินค่าใช้จ่ายต่ำกว่าความเป็นจริง ควรวางแผนอย่างรัดกุมเพื่อลดความเสี่ยงในการมีเงินไม่พอในอนาคต3. คาดการณ์ว่าจะมีชีวิตหลังเกษียณกี่ปี ?แน่นอนว่าส่วนนี้เราอาจจะไม่ทราบแน่นอนว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่เราจำเป็นต้องประเมิน บางคนอาจจะเตรียมไว้ 20 ปี 30 ปี อาจจะอยู่ไม่ถึงหรืออยู่เลยไป แต่จงจำไว้เสมอว่า “จงกลัวที่ตอนแก่จะไม่มีเงินใช้” เมื่อเราประเมินค่าใช้จ่ายยามเกษียณมาแล้ว จึงนำมาเข้าสูตร ค่าใช้จ่ายต่อปี (ค่าใช้จ่ายรายเดือน x 12) x จำนวนปีที่จะมีชีวิตอยู่ ก็จะได้เป็นเงินเก็บทั้งหมดที่เราจะต้องเตรียมไว้แต่สิ่งที่หลายคนมักจะลืมนึกถึงคือ “อัตราเงินเฟ้อ” ซึ่งเป็นศัตรูตัวสำคัญที่ทำให้มูลค่าของเงินเราลดลง ยกตัวอย่างให้เห็นง่ายๆ เมื่อก่อนเรากินก๋วยเตี๋ยวชามละ 15 มาวันนี้ชามละ 40 ดังนั้นอาจจะประมาณการเงินเฟ้อไว้ที่ 2% โดยเฉลี่ย มารวมในการคำนวณค่าใช้จ่ายทุกครั้งโดยจะขอยกตัวอย่างการประมาณการค่าใช้จ่ายยามเกษียณของผู้เขียนเองเป็นภาพให้ทุกคนเข้าใจง่ายๆ ดังนี้เห็นมั้ยคะว่า จำนวนเงินหลังจากคูณด้วยเงินเฟ้อแล้วมันมากขึ้นเป็นเท่าตัว เงินที่เราคิดว่าใช้พอแล้วในวันนี้ อาจไม่พอแล้วในวันข้างหน้าดังนั้นหากเราอยากจะมีชีวิตที่มั่นคง ไม่ลำบากในบั้นปลายชีวิต ต้องรีบคำนวณ รีบวางแผน รีบเก็บเงิน ใครที่ยังอายุน้อยอยู่ก็ถือว่ายังมีแต้มต่อ แต่สำหรับใครที่เยอะแล้ว ก็เก็บไว้ดีกว่าไม่มีค่ะ แล้วพบกันใหม่ในบทความ ออมเงิน 101 ตอนหน้า สวัสดีค่ะ