เหยื่อปริญญ์พุ่ง 18 ราย มีนอกประเทศด้วย 1 กมธ.ยันเคียงข้างผู้เสียหาย จี้พม.เยียวยา

ความคืบหน้าคดี นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ถูกกล่าวหากระทำชำเราคุกคามทางเพศหญิงสาวหลายราย โดยนายปริญญ์เข้ามอบตัวกับตำรวจมีการส่งฝากขัง และได้รับการประกันตัวเพื่อต่อสู้คดี ล่าสุด มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์แล้ว 14 รายนั้น
ทั้งนี้เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 20 เมษายน ที่ สน.ลุมพินี พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น. เปิดเผยว่า ล่าสุด มีผู้เสียหายประกอบด้วยในพื้นที่ บช.น. 15 ราย ได้แก่ สน.ลุมพินี 14 ราย และ สน.ห้วยขวาง 1 ราย ผู้เสียหายใน จ.เชียงใหม่ 1 ราย, จ.เพชรบุรี 1 ราย และนอกประเทศอีก 1 ราย พร้อมรับคำร้องทุกข์เพิ่ม 8 คดี จากเดิม 3 คดี โดยในจำนวนนี้ ขาดอายุความ 2 ราย ซึ่งทุกคดีแบ่งตามพฤติการณ์ก่อเหตุว่าเข้าข่ายอนาจารหรือข่มขืน ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาคดีที่มีผู้เสียหาย 1 ราย ซึ่งปรากฏคลิปเสียงในข่าว เนื่องจากมีความลังเลใจในเรื่องความสัมพันธ์ เพราะหลังเกิดเหตุที่เหยื่อถูกกระทำก็ยังคงติดต่อกับผู้ต้องหา ภายหลังการพิจารณาแต่ละคดีแล้วเสร็จ หากมีพยานหลักฐานก็จะดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งสามารถออกหมายจับได้ในคดีที่มีโทษจำคุกเกิน 3 ปี
พล.ต.ต.ไตรรงค์กล่าวอีกว่า ในการตรวจค้นคอนโดฯที่เกิดเหตุในคดีข่มขืนที่ผ่านมา 1 ปี ในการตรวจสอบแม้จะหาหลักฐานได้น้อยก็ต้องทำ โดยได้เก็บวัตถุพยานต่างๆ ส่งให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานทำบันทึกมาเปรียบเทียบคำให้การผู้กล่าวหา ยืนยันว่า 3 คดีแรกของ สน.ลุมพินี ผู้กล่าวหายังคงยืนยันคำให้การเดิมว่าจะเอาผิดกับผู้ต้องหา ตำรวจจึงไม่หนักใจเพราะมีหลักฐานค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ที่กังวลคือข้อหาอนาจาร หากกระทำกันเพียงลำพัง สามารถยอมความได้ และคดีมีอายุความ 3 เดือน หากส่งสำนวนถึงอัยการ รวมถึงมีการไกล่เกลี่ย ผู้เสียหายสามารถไม่เอาความผู้ก่อเหตุได้
พล.ต.ต.ไตรรงค์เปิดเผยอีกว่า ส่วนคดีเมื่อปี 2563 ต้องสอบถามผู้เสียหายอีกครั้ง เพราะกลับมาให้การในลักษณะลังเลว่าจะดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุหรือไม่ ส่วนกรณีที่มีตำรวจชั้นนายพลพยายามไกล่เกลี่ยผู้เสียหายให้ไม่เอาผิดนั้น ยังไม่ทราบ ส่วนคดีที่มีผู้เสียหายอ้างว่าถูกวางยาได้รับเลขคดีไว้ตรวจสอบพยานหลักฐานแล้วว่าจะมีการเรียกหรือดำเนินการอย่างไรกับผู้ถูกกล่าวหาต่อไป
ที่รัฐสภา นางมุกดา พงษ์สมบัติ ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวกรณีนายปริญญ์ว่า การล่วงละเมิดทางเพศไม่ว่ารูปแบบใดเป็นสิ่งที่ผิด ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือกันนำตัวผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะหากผู้กระทำความผิดเป็นผู้ที่มีชื่อเสียง มีอิทธิพล มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่สำคัญ ยิ่งจะต้องมีกระบวนการยุติธรรมพิสูจน์ให้เห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดจริงหรือไม่
“กมธ.ขอยืนหยัดเคียงข้างผู้เสียหายทุกคน ไม่ใช่แค่กรณีนี้ แต่ทุกกรณีที่ถูกละเมิดทางเพศ เพื่อนำผู้กระทำผิดให้ได้รับโทษ และพร้อมที่ให้ความร่วมมือดำเนินการหาข้อเท็จจริง โดยจะใช้ช่องทางตามอำนาจหน้าที่และพร้อมจะสนับสนุนทุกฝ่ายเพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง” นางมุกดากล่าว
นางมุกดากล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องที่ กมธ.กำลังศึกษา โดยเฉพาะกระทรวงที่รับผิดชอบ คือกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จะต้องตอบคำถามว่ามีมาตรการหรือไม่ในการดูแลเรื่องนี้ ไม่ว่าใครจะใหญ่โต มีอิทธิพล มีชื่อเสียงอย่างไร แต่ต้องเคารพกติกาและกฎหมาย