10 วิธีทำตัวเองให้มีค่ามากขึ้น และรู้สึกดีกับตัวเอง | บทความโดย Pchalisa หลายคนมักรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอหรือไม่มีค่าพอ แต่รู้หรือไม่ว่าทุกคนล้วนมีคุณค่าในตัวเองค่ะ และการสร้างความมั่นใจในตัวเองเป็นสิ่งที่ทำได้ และไม่ยากอย่างที่คิดค่ะ ที่นอกจากจะช่วยให้คุณรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น ยังถือเป็นการดูแลสุขภาพกายใจ การพัฒนาตนเอง หรือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นด้วยนะคะ การรู้สึกดีกับตัวเองเป็นรากฐานสำคัญของความสุขและความสำเร็จในชีวิต การเพิ่มพูนความรู้สึกมีค่าในตัวเองจึงเป็นสิ่งที่ควรลงทุน การรู้สึกดีกับตัวเองเป็นเหมือนพลังงานที่ขับเคลื่อนให้เราไปสู่ความสำเร็จในทุกๆ ด้านค่ะ ที่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน ความรักหรือชีวิตส่วนตัว จะเห็นว่าการมองเห็นคุณค่าในตัวเองมีข้อดีหลายอย่างมาก ดังนั้นในบทความนี้ผู้เขียนจะมาแนะนำวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น และมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นค่ะ ที่จะช่วยให้คุณผู้อ่านรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น และเห็นคุณค่าในตัวเองมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าคุณจะกำลังเผชิญกับปัญหาอะไรอยู่ก็ตาม การดูแลตัวเองให้ดีก็เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้คุณก้าวผ่านอุปสรรคและมีความสุขได้นะคะ ดังนั้นเรามาอ่านไปพร้อมกันเลยดีกว่าค่ะ 1. ให้อภัยตนเองและผู้อื่น คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า? การให้อภัยตนเองช่วยให้เราปล่อยวางความผิดพลาดในอดีตและก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างเต็มที่ ทำให้เรารู้สึกเบาใจและมั่นใจในตัวเองมากขึ้นค่ะ ส่วนการให้อภัยผู้อื่น มีส่วนช่วยลดความโกรธแค้นและความขุ่นเคืองใจ ทำให้จิตใจสงบและมีความสุขมากขึ้นค่ะ ดังนั้นการให้อภัยเป็นเหมือนการให้ของขวัญแก่ตัวเอง เพราะมันจะช่วยให้เรามีความสุขและมีชีวิตที่ดีขึ้นค่ะ จึงควรปล่อยวางอดีต อย่าจมอยู่กับความผิดพลาด ให้อภัยตนเอง เพราะทุกคนย่อมทำผิดพลาดได้ และให้อภัยผู้อื่น เพื่อช่วยให้จิตใจสงบค่ะ 2. ชื่นชมตัวเอง หลายคนยังไม่รู้ว่า การชื่นชมตัวเองเป็นเหมือนการรดน้ำต้นไม้ในใจของเราค่ะ เมื่อเราชื่นชมในสิ่งดีๆ ที่เราทำได้ หรือในคุณสมบัติที่ดีของตัวเอง มันก็จะช่วยให้เรารู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น มีความมั่นใจในตัวเอง และมีความสุขกับชีวิตมากขึ้นค่ะ ดังนั้นอย่าลืมชื่นชมความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ ที่เราทำได้ และให้กำลังใจตัวเองเมื่อเผชิญกับความยากลำบากค่ะ การชื่นชมตัวเองควรทำอย่างสม่ำเสมอ ที่ไม่ใช่แค่ในวันที่รู้สึกดี แต่ควรชื่นชมตัวเองทุกวัน ซึ่งการชื่นชมตัวเองอย่างจริงใจ ที่ไม่ใช่แค่พูดไปงั้นๆ แต่ต้องรู้สึกจากใจจริงๆ เป็นสิ่งที่ต้องทำค่ะ ให้ลองชื่นชมในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องใหญ่โตเสมอไป สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เราทำได้ก็ควรได้รับการชื่นชม เพราะการชื่นชมตัวเองเป็นเหมือนการดูแลสุขภาพจิตที่ดีวิธีหนึ่งค่ะ ลองนำไปปรับใช้ดูนะคะ แล้วคุณผู้อ่านจะรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ 3. หันมาดูแลสุขภาพ การดูแลสุขภาพเป็นเหมือนการลงทุนในตัวเราเองค่ะ เมื่อเราใส่ใจดูแลสุขภาพ ร่างกายและจิตใจของเราจะแข็งแรง ทำให้เรารู้สึกดี มีความสุข และมีพลังงานในการทำกิจกรรมต่างๆ ได้มากขึ้น การออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และตรวจสุขภาพเป็นประจำ จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและจิตใจแจ่มใส การออกกำลังกายจะช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความสุข ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย และมีความสุขมากขึ้น นอกจากนี้การทำกิจกรรมที่ชอบ เช่น การฟังเพลง การอ่านหนังสือ ก็ช่วยให้จิตใจเบิกบานได้เช่นกัน การดูแลสุขภาพจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด เพราะมันจะช่วยให้เรามีชีวิตที่มีความสุข สุขภาพแข็งแรง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีค่ะ 4. พัฒนาตัวเอง การหันมาทำตัวเองให้มีความก้าวหน้าขึ้น ช่วยทำให้เพิ่มความมั่นใจค่ะ คือเมื่อเราเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ พัฒนาทักษะ หรือบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ จะทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองมีความสามารถมากขึ้น มีความมั่นใจในตัวเอง และกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ๆ การพัฒนาตัวเองช่วยลดความวิตกกังวล การพัฒนาตัวเองจะช่วยให้เรามีความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้ดีขึ้นค่ะ ทำให้เรารู้สึกมั่นคงและลดความวิตกกังวลลงได้ และการทำแบบนี้ยังช่วยทำให้เราความสุขมากขึ้นด้วย เพราะการทำสิ่งที่เราชอบและสนใจจะช่วยให้เรารู้สึกสนุกและมีความสุขกับชีวิตมากขึ้น นอกจากนี้การพัฒนาตัวเองยังเป็นการสร้างความหมายให้กับชีวิตของเราอีกด้วยค่ะ ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดี เนื่องจากการพัฒนาตัวเองจะช่วยให้เรามีทักษะในการสื่อสารและเข้าใจผู้อื่นมากขึ้น ทำให้เราสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้างได้ ช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงาน การพัฒนาทักษะใหม่ๆ จะช่วยให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีโอกาสก้าวหน้าในอาชีพการงาน รู้สึกภูมิใจในตัวเอง เมื่อเราเห็นความก้าวหน้าของตัวเอง เราจะรู้สึกภูมิใจในสิ่งที่เราทำได้ และมีความสุขกับความสำเร็จที่เกิดขึ้น การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นทักษะใหม่ ภาษาใหม่ หรือความรู้ใหม่ๆ จะช่วยเพิ่มความมั่นใจและความสามารถของคุณ สิ่งสำคัญที่สุดคือ การเริ่มต้น แม้จะเป็นเพียงก้าวเล็กๆ ก็ตาม การลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ 5. ฝึกสติ สติมาปัญญาเกิดค่ะ เพราะช่วยลดความเครียดได้ การฝึกสติจะช่วยให้จิตใจสงบลง ทำให้เราผ่อนคลาย และลดความเครียดที่สะสมมาได้ แถมเพิ่มสมาธิ ถ้าฝึกสติจะช่วยให้เรามีสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่ทำอยู่ ทำให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกทั้งยังเข้าใจตัวเองมากขึ้น สติจะช่วยให้เราเข้าใจความคิดและอารมณ์ของตัวเองได้ดีขึ้น ทำให้เราจัดการกับอารมณ์ได้ดีขึ้น เพิ่มความสุข การฝึกสติจะช่วยให้เรารู้สึกขอบคุณในสิ่งที่เรามี และมีความสุขกับปัจจุบันมากขึ้น ปรับปรุงคุณภาพชีวิต เมื่อฝึกสติจะช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดีขึ้น ทั้งร่างกายและจิตใจ การฝึกสติจะช่วยให้เราหยุดคิดถึงเรื่องในอดีต หรือเรื่องที่ยังมาไม่ถึง ทำให้เราได้ใช้ชีวิตอยู่ในปัจจุบันอย่างเต็มที่ ทำให้เราได้รู้จักตัวเองมากขึ้น เพราะการฝึกสติจะช่วยให้เราเข้าใจความคิด อารมณ์ และปฏิกิริยาของตัวเอง ทำให้เราสามารถจัดการกับความรู้สึกต่างๆ ได้ดีขึ้น สติจะช่วยให้เราปล่อยวางความคิดที่เป็นลบ ความกังวล และความเครียด ทำให้จิตใจเบาลง ช่วยให้เรารู้สึกเชื่อมโยงกับตัวเองมากขึ้น รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่มีค่า 6. ฝึกการคิดเชิงบวก การฝึกการคิดบวกเป็นเหมือนการเปิดประตูสู่โลกใบใหม่ที่สดใสและมีความสุขมากขึ้นค่ะ การเปลี่ยนมุมมองจากแง่ลบเป็นแง่บวก จะส่งผลดีต่อจิตใจและชีวิตของเราอย่างมากมายเลยทีเดียวค่ะ การคิดบวกจะช่วยให้เรารู้สึกดีกับตัวเองได้ เพราะเพิ่มความมั่นใจ คือเมื่อเราฝึกมองเห็นด้านดีของตัวเองและสถานการณ์ต่างๆ เราก็จะรู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้น กล้าที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทาย และเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเอง ช่วยลดความเครียดได้ การคิดบวกจะช่วยให้เราผ่อนคลาย และลดความเครียดที่เกิดจากความกังวลหรือความกลัวในอนาคตค่ะ แถมยังเพิ่มความสุขด้วย การมองโลกในแง่ดีจะช่วยให้เราเห็นคุณค่าในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ รู้สึกขอบคุณในสิ่งที่เรามี และมีความสุขกับปัจจุบันมากขึ้น สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีได้ การคิดบวกจะช่วยให้เรามีทัศนคติที่ดีต่อผู้อื่น ทำให้เราสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้างได้ เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน คือเมื่อเรามีความสุขและมั่นใจในตัวเอง เราจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้นนั่นเองนะคะ ซึ่งการเปลี่ยนความคิดเชิงลบเป็นเชิงบวก จะช่วยให้เรามองโลกในแง่ดีมากขึ้น ยังไงนั้นคุณผู้อ่านลองฝึกพูดคุยกับตัวเองในแง่บวกค่ะ เพราะคำพูดที่เราพูดกับตัวเองมีผลต่อความคิดและความรู้สึกของเราอย่างมากนะคะ 7. ให้กำลังใจตัวเอง การหันมาให้กำลังใจตัวเองเป็นเหมือนการเติมพลังให้กับใจของเรานะคะ ทำให้เรารู้สึกดีกับตัวเองได้หลายอย่างเลยค่ะ เพราะการให้กำลังใจตัวเองจะช่วยให้เรา มีความมั่นใจมากขึ้น เมื่อเราให้กำลังใจตัวเองบ่อยๆ เราจะรู้สึกว่าตัวเองมีความสามารถ มีคุณค่า และสามารถทำอะไรได้อีกมากมาย ช่วยลดความวิตกกังวล การให้กำลังใจตัวเองจะช่วยให้เรามองโลกในแง่ดีมากขึ้น และลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคต การให้กำลังใจตัวเองจะช่วยให้เรารู้สึกขอบคุณในสิ่งที่เรามี และมีความสุขกับปัจจุบันมากขึ้นได้ค่ะ เมื่อเจอปัญหาหรืออุปสรรค การให้กำลังใจตัวเองจะช่วยให้เรามีแรงบันดาลใจที่จะก้าวข้ามผ่านไปได้ เมื่อเรารู้สึกดีกับตัวเอง เราจะสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นได้ง่ายขึ้น 8. อย่าเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น จากที่เรารู้มาว่า เราทุกคนมีความสามารถและจุดเด่นที่แตกต่างกันนั้น เราจึงไม่ควรเปรียบเทียบตัวเราเองกับคนอื่นค่ะ เพราะเปรียบเทียบมักจะนำมาซึ่งความรู้สึกไม่ดี เช่น อิจฉา หมดกำลังใจ และความไม่มั่นใจในตัวเอง และการไม่เปรียบเทียบถึงทำให้เรารู้สึกดีได้ เมื่อเราเลิกเปรียบเทียบ เราจะไม่ต้องกังวลว่าคนอื่นจะเก่งกว่า สวยกว่า หรือประสบความสำเร็จมากกว่า ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขมากขึ้น การยอมรับในความเป็นตัวของตัวเอง จะทำให้เรามีความมั่นใจในศักยภาพและความสามารถของตัวเองมากขึ้น มีความสุขในปัจจุบันได้ คือเมื่อเราไม่มัวแต่ไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เราจะสามารถเพลิดเพลินกับชีวิตในปัจจุบันได้อย่างเต็มที่ค่ะ มีเป้าหมายที่ชัดเจนได้ง่ายกว่า การเปรียบเทียบมักจะทำให้เราหลงทางและไม่รู้ว่าเป้าหมายของตัวเองคืออะไร แต่เมื่อเราโฟกัสที่การพัฒนาตัวเอง เราจะมีเป้าหมายที่ชัดเจนและมุ่งมั่น ตลอดจนสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีได้นะคะ การไม่เปรียบเทียบจะทำให้เรามองเห็นคุณค่าในคนอื่น และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นได้ง่ายขึ้น 9. หาแรงบันดาลใจ การหาแรงบันดาลใจเป็นเหมือนการเติมพลังบวกให้กับชีวิตของเราเลยค่ะ ทำให้เรารู้สึกดีกับตัวเองได้ เพราะช่วยเพิ่มความมั่นใจ เมื่อเราได้แรงบันดาลใจจากคนอื่นหรือจากเรื่องราวต่างๆ เราจะรู้สึกว่าตัวเองก็สามารถทำได้เหมือนกับคนอื่นๆ ทำให้เรามีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นค่ะ ช่วยลดความเบื่อหน่าย การหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ จะช่วยให้ชีวิตของเราไม่น่าเบื่อ และมีความตื่นเต้นที่จะได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ ทำให้มีเป้าหมายในชีวิต แรงบันดาลใจจะช่วยให้เรามีเป้าหมายที่ชัดเจน และมีแรงผลักดันที่จะก้าวไปข้างหน้า เพิ่มความสุข การทำสิ่งที่เราชอบและสนใจ จะทำให้เรารู้สึกมีความสุขและพึงพอใจกับชีวิต ผ่านพ้นอุปสรรคได้ง่ายขึ้น เมื่อเราเจออุปสรรค แรงบันดาลใจจะช่วยให้เรามีกำลังใจที่จะก้าวข้ามผ่านไปได้ค่ะ แรงบันดาลใจอาจได้จากการอ่านหนังสือ ชมภาพยนตร์ หรือฟังเรื่องราวของคนที่ประสบความสำเร็จก็ได้นะคะ ซึ่งสิ่งเห่านี้จะช่วยจุดประกายความคิดและแรงบันดาลใจใหม่ๆ ได้ค่ะ 10. ตั้งเป้าหมายและลงมือทำ เมื่อเรามีการตั้งเป้าหมายและลงมือทำ มันจะเป็นเหมือนการสร้างแผนที่นำทางชีวิตให้กับตัวเองเลยนะคะ ทำให้เรารู้สึกดีกับตัวเองได้ เพราะทำให้เรามีความมั่นใจมากขึ้น เมื่อเราตั้งเป้าหมายและค่อยๆ บรรลุเป้าหมายนั้น เราจะรู้สึกว่าตัวเองมีความสามารถ มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นได้ค่ะ มีความสุข การได้เห็นความคืบหน้าของตัวเอง จะทำให้เรารู้สึกภูมิใจและมีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำนะคะ ทำให้มีชีวิตที่มีความหมาย การมีเป้าหมายในชีวิตจะทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตของเรามีความหมาย ไม่ใช่แค่ผ่านวันไปวันมา ช่วยลดความเครียดด้วยค่ะ การมีเป้าหมายที่ชัดเจน จะช่วยให้เรามีสมาธิ และลดความเครียดที่เกิดจากความไม่แน่นอนได้ค่ะ การลงมือทำจะช่วยให้เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เมื่อเราตั้งเป้าหมายและลงมือทำ เราจะรู้สึกว่าเรามีอำนาจในการควบคุมชีวิตของตัวเอง หรือจะพูดว่าเป็นคนกุมบังเหียนของชีวิตเราก็ได้ค่ะ เวลาเราลงมือทำเราจะรู้สึกมีส่วนร่วม เพราะเหมือนเป็นการได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ จะทำให้เรารู้สึกมีคุณค่าค่ะ รู้สึกเป็นอิสระได้ง่าๆ การบรรลุเป้าหมายจะทำให้เรารู้สึกเป็นอิสระจากข้อจำกัดต่างๆ นะคะ และการมีเป้าหมายที่ชัดเจนและพยายามทำให้สำเร็จจะช่วยให้เรารู้สึกมีพลังและมุ่งมั่นค่ะทุกคน ความเป็นจริงคือคนทุกคนมีคุณค่าค่ะ แต่เราอาจจะไม่รู้สึกหรือนึกคิดไปเองว่าเราไม่มีคุณค่า ยังไงก็ตามแต่เนื้อหาข้างต้นที่ผู้เขียนได้พูดเอาไว้ คือ แนวทางที่มาเสริมกำลังทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าค่ะ ยังไงคุณผู้อ่านต้องลองอ่านและทำความเข้าใจดีๆ จากนั้นนำไปประยุกต์ใช้ในทุกๆ วันค่ะ เพราะผู้เขียนเองก็ใช้แนวทางในนี้ด้วย จะว่าใช้ทุกข้อเลยก็ว่าได้ เช่น ดูแลสุขภาพ อ่านหนังสือ หาแรงบันดาลจากการฟังวิดีโอต่างๆ การจดบันทึกขอบคุณสิ่งต่างๆ ที่ตัวเองมี ช่วยเหลือผู้คนตามโอกาส สร้างคุณค่าทิ้งไว้ให้โลกนี้ผ่านงานเขียน มีเป้าหมายของตัวเองและลงมือทำ ฯลฯ ซึ่งผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หากชอบบทความแบบนี้อีก ก็อย่าลืมกดติดตามหรือกดบุ๊กมาร์กหน้าโปรไฟล์ไว้นะคะ เพราะจะได้ไม่พลาดบทความใหม่ๆ ที่จะได้นำมาเผยแพร่ในเร็วๆ นี้ค่ะ😁 เครดิตภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปกโดยผู้เขียน ภาพประกอบเนื้อหา: ภาพที่ 1 โดย Tirachard Kumtanom จาก Pexels, ภาพที่ 2 โดย Maik Kleinert จาก Pexels และภาพที่ 3-4 โดยผู้เขียน ออกแบบภาพหน้าปกใน Canva เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา : พยาบาลศาสตรบัณฑิต (B.N.S.) จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม); M.P.H. (Environmental Health) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ : สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การจัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่น่าสนใจโดย Pchalisa https://women.trueid.net/detail/523vJO368qJW https://news.trueid.net/detail/NA1yBZQO8b1A https://news.trueid.net/detail/wg7QlepMdv4R เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !