บทเรียนและข้อคิดจากเทรดเดอร์ระดับโลก จากการสัมภาษณ์และรวบรวมเป็นหนังสือโดย Jack D. Schwager ซึ่งตัวเขาเองก็เป็นนักลงทุนสถาบันเหมือนกัน ดังนั้น แง่คิดพวกนี้เขาจึงเข้าใจดีว่ามันรู้สึกยังไง ในฐานะนักเทรดหุ้นเหมือนกัน ภายในเล่มแบ่งออกเป็นหลายบท แต่ละบทสะท้อนมุมมองว่านักเทรดหุ้นหลายคนมีมุมมองตรงกันโดยไม่ได้นัดหมาย แสดงว่ามันคือประเด็นสำคัญที่รายย่อยอย่างเราต้องตระหนัก แปลโดย อดิศักดิ์ ดวงปกร ความรู้ความประทับใจในมุมมองของครีเอเตอร์ 1.มีวิธีนับล้านที่จะทำเงินในตลาด แต่น่าเสียดายที่ทุกวิธีนั้นหาได้ยากเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ก็มีหลายวิธีมากๆที่จะประสบความสำเร็จ เทรดเดอร์บางคน เช่น โรเจอร์ส ก็ประสบความสําเร็จโดยใช้แค่การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน บางคน เช่น ชวาทช์ ประสบความสำเร็จโดยใช้แค่การวิเคราะห์ทางเทคนิค และบางคนใช้ทั้งสองอย่างผสมกัน เทรดเดอร์บางคนประสบความสำเร็จโดยถือสถานะเป็นเดือนหรือแม้กระทั่งเป็นปี ในขณะที่บางคนประสบความสำเร็จด้วยการเทรดหลักนาที ความสำเร็จในตลาดเป็นเรื่องของการหาวิธีการที่ “เหมาะกับคุณ” ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน ไม่ใช่เรื่องของการหาวิธีการ “ที่ถูกต้องหนึ่งเดียว” 2.ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมีความได้เปรียบ รู้ว่าความได้เปรียบของคุณคืออะไร มีกฎควบคุมความเสี่ยงที่เข้มงวด....หากจะทำเงินคุณต้องมีความได้เปรียบและมีการบริหารเงินที่ดี การบริหารเงินที่ดีเพียงอย่างเดียวไม่ได้ช่วยเพิ่มความได้เปรียบของคุณเลย ถ้าระบบของคุณไม่ดี คุณก็ยังจะขาดทุนอยู่ดี ไม่ว่ากฎการบริหารเงินของคุณจะมีประสิทธิภาพแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าคุณมีแนวทางที่ทำเงินได้ การบริหารเงินก็จะเป็นตัวแปรสำคัญระหว่างความสำเร็จและความล้มเหลว” 3.ความพยายามของนักวิ่งอยู่ที่การเตรียมตัว แต่เมื่อเขาโชว์ฟอร์มได้ดี กระบวนการวิ่งจริงๆควรจะไม่ต้องพยายาม เขาจะวิ่งได้ดีที่สุดเมื่อวิ่งโดยไม่ต้องพยายาม แนวคิดเดียวกันนี้ใช้ได้กับการทำสิ่งอื่นๆ อีกมาก นักเขียนจะทำงานได้ดีที่สุดเมื่อเขียนโดยไม่ต้องพยายาม นักดนตรีจะแสดงได้ดีที่สุดเมื่อบรรเลงได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายาม หลักการเดียวกันนี้ใช้ได้กับการเทรด ถ้าการเทรดไปได้ดี มันจะดูเหมือนไม่ต้องพยายาม ถ้าการเทรดไปได้ไม่สวย คุณจะฝืนให้มันถูกต้อง ด้วยการพยายามหนักขึ้นไม่ได้ ถ้าคุณอยู่ในช่วงเวลาที่เทรดแย่เป็นพิเศษ 4.เมื่อเกือบทุกการตัดสินใจของคุณดูเหมือนจะผิด การพยายามมากขึ้นจะไม่ช่วยอะไร มันอาจจะยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลงด้วยซ้ำ คุณอาจจะพยายามหนักขึ้นในการค้นคว้าวิจัยให้มากขึ้น คุณอาจจะพยายามหนักขึ้นในการหาว่าอะไรผิดพลาด แต่คุณพยายามหนักขึ้นในการเทรดไม่ได้ ถ้าคุณไม่ลงรอยกับตลาด การพยายามหนักขึ้นมักจะทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปอีก 5.Market Wizards ให้คำแนะนำที่ค่อนข้างสอดคล้องช่วงขาดทุน พวกเขามีข้อแนะนำพื้นฐานสองข้อ นั่นคือ 1. ลดขนาดการเทรดลง“เมื่อเทรดได้ไม่ดี จะลดขนาดสถานะของผมลงเรื่อยๆ ด้วยวิธีนี้จะเทรดด้วยขนาดสถานะที่เล็กที่สุดเมื่อการเทรดของตนแย่ที่สุด” 2. หยุดเทรด บางครั้งการลดขนาดการเทรดเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอและวิธีแก้ไขที่ดีที่สุดเพื่อหยุดวังวนการขาดทุนคือการ ท้ายที่สุดแล้ว การขาดทุนก็นำไปสู่การขาดทุน เมื่อคุณเริ่มขาดทุน มันจะกระตุ้นปัจจัยด้านลบในจิตวิทยาของมันนำไปสู่การมองโลกในแง่ร้าย...พูดกับตัวเองเลยว่า “คุณเทรดต่อไปไม่ได้แล้ว” 6.สิ่งที่อธิบายได้อย่างหนึ่งก็คือ การชนะต่อเนื่องนำไปสู่ความประมาท และความประมาทนำไปสู่การเทรดที่สะเพร่า ในช่วงที่กำไรมากๆ เทรดเดอร์มักจะไม่ค่อยพิจารณาถึงสิ่งที่อาจก่อให้เกิดความผิดพลาด โดยเฉพาะการคิดถึงสถานการณ์ที่แย่ที่สุด อีกคำอธิบายหนึ่งคือช่วงที่ผลงานดีเยี่ยมมักจะเป็นช่วงที่ถือสถานะสูงเป็นพิเศษด้วย บทเรียนก็คือ ถ้ามูลค่าพอร์ตโฟลิโอของคุณพุ่งขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่เกือบทุกวันและการเทรดของคุณได้ผลเกือบทุกครั้ง จงระวังไว้! นี่คือช่วงเวลาที่ต้องระวังความประมาทไว้ให้ดี 7.เทรดเดอร์ส่วนใหญ่คิดว่ามีการเทรดสองประเภท คือ เทรดที่กำไร และเทรดที่ขาดทุน แต่จริงๆ แล้วมีสี่ประเภท คือการเทรดที่กำไรและการเทรดที่ขาดทุน บวกกับการเทรดที่ดีและการเทรดที่แย่ อย่าสับสนระหว่างแนวคิดของการเทรดที่กำไรและขาดทุนกับการเทรดที่ดีและแย่ การเทรดที่ดีอาจขาดทุนก็ได้ และการเทรดที่แย่ก็อาจทํากําไรได้ การเทรดที่ดีจะทำไปตามกระบวนการที่สุดท้ายจะมีกำไร (ที่ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้) หากทำซ้ำหลายครั้ง แม้ว่ามันอาจจะขาดทุนในการเทรดบางครั้งก็ตาม 8.มาร์ตี้ ชวาทช์ เตือนถึงอันตรายของการกระทำอย่างวู่วามเพื่อแก้ไขการขาดทุนจากการเทรด “เมื่อใดก็ตามที่คุณถูกโจมตี” ชวาทซ์กล่าว “คุณจะรู้สึกอารมณ์เสียอย่างมาก เทรดเดอร์ส่วนใหญ่พยายามจะทำกำไรคืนในทันที พวกเขาพยายามจะเล่นใหญ่ขึ้น แต่เมื่อใดก็ตามที่คุณพยายามเอาการขาดทุนทั้งหมดกลับคืนมาในครั้งเดียว คุณก็มักจะล้มเหลว” 9.เคล็ดลับอยู่ที่การแยกแยะระหว่างสิ่งที่คุณ อยาก ให้เกิดขึ้น กับสิ่งที่คุณ "รู้" ว่าจะเกิดขึ้น”สิ่งที่เราเรียกว่า “สัญชาตญาณ” อาจเป็นเพียงการสังเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่อย่างเป็นกลางบนพื้นฐานของประสบการณ์ในอดีต โดยไม่ถูกขัดขวางด้วยความบิดเบือนทางอารมณ์ น่าเสียดายที่เราไม่สามารถเข้าถึงความคิดในจิตใต้สำนึกได้ตามต้องการ อย่างไรก็ตาม เมื่อมุมมองตลาดเหล่านี้ผ่านเข้ามาในรูปแบบของสัญชาตญาณ เทรดเดอร์ก็ควรให้ความสนใจ ทั้งหมดนี้อาจฟังดูเป็น Common Sense หรือรู้ได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว ทำให้รู้สึกว่านี่ไม่ใช่เคล็ดลับเทรดหุ้น แต่เวลาลงสนามจริง ความรู้สึกมันขัดกับหลักเหตุผลจนยอมแหกกฎของตัวเอง แล้วผลการเทรดก็เสียหายอย่างไม่น่าให้อภัย แก่นของหนังสือเล่มนี้จึงเป็นการตอกย้ำถึงหนทางการเทรดที่อยู่สามารถเอาตัวรอดได้ไปตลอดทาง โดยเข้าใจถึงสัจธรรมที่ว่าเราควรเลือกวิธีเทรดที่เข้ากับจริตของตัวเอง ไม่มีวิธีไหนดีกว่าของใคร ลอกเลียนแบบไม่ได้ การเทรดเป็นผสมผสานระหว่างสัญชาตญาณกับหลักเหตุผลที่เราต้องค้นหาแนวถนัดในแบบของตัวเอง เครดิตภาพ ภาพปก ภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียน ภาพที่ 3 และ 4 โดย AI บทความอื่นๆที่น่าสนใจ รีวิวหนังสือ GROWTH LECTURE ขุดหุ้นเติบโตได้ในเล่มเดียว รีวิวหนังสือ รู้เทคนิคพลิกกำไร รีวิวหนังสือ คู่หูนักลงทุน แนวทางต่าง แต่เป้าหมายเดียวกัน (Style That Beats The Market) เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !