รีเซต

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
ทันหุ้น
19 กรกฎาคม 2566 ( 09:18 )
51

บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index แกว่งตัว Sideways to Sideways Up ในกรอบ 1,530-1,545 จุด โดยวันนี้จับตาศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าจะรับคำร้องกรณีถือหุ้นสื่อของนายพิธาและสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวหรือไม่ รวมถึงการลงมติเลือกนายกฯ ครั้งที่ 2 ซึ่งเรายังประเมินว่ายังมีโอกาสผ่านค่อนข้างน้อย แม้กรณีดีสุดพรรคชาติไทยพัฒนาและประชาธิปัตย์ลงคะแนนให้ซึ่งจะได้เสียงเพิ่มอีก 35 เสียง รวมกับคะแนนเสียงเดิม 324 เสียงเป็น 359 เสียง แต่เรามองว่าเป็นไปได้ยากที่จะได้เสียงสว.เพิ่มอีก 16 เสียง ให้ครบ 375 เสียง ทำให้เรามองว่าตลาดจะยังตอบรับค่อนไปในเชิงบวก จากโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะขึ้นเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแทน (ทั้งกรณีมีพรรคก้าวไกลร่วมหรือไม่ร่วม) และนโยบายเป็นบวกต่อตลาดทุนมากกว่า 

 

โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในระยะสั้นอย่างเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทต่อคน คาดช่วยหนุนกลุ่ม Domestic Play โดยเฉพาะที่เกี่ยวเนื่องกับการใช้จ่าย ขณะที่ Global Play ระยะสั้นได้แรงหนุนจากความคาดหวังเศรษฐกิจสหรัฐฯที่จะสามารถ Soft Landing ได้จากเศรษฐกิจและกำไรบจ.ที่ยังดูแข็งแรงกว่าคาด ขณะที่เงินเฟ้อชะลอตัวลงต่อเนื่อง 

 

กลยุทธ์ : เลือกลงทุนในหุ้นที่คาดกำไร 2Q23 แข็งแกร่ง//ส่วนที่สะสมแล้วยังถือลงทุนต่อเนื่อง

หุ้นเด่นเดือนก.ค. : CPALL, CPN, MINT, NSL, TOA

 

หุ้นเด่นวันนี้ : OSP

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 33 บาท

• คาดกำไรปกติ 2Q23 ที่ 542 ลบ. +15% q-q, -10% y-y ฟื้นตัวได้ดีต่อเนื่อง หนุนจากรายได้เครื่องดื่มชูกำลังฟื้นตัวทั้ง q-q, y-y และดึง Market share กลับมาได้ 0.9% อยู่ที่ 47.5% ใน 2Q23 อัตรากำไรขั้นต้นดูฟื้นดีกว่าคาดทั้ง Efficiency ต้นทุน natural gas และบรรจุภัณฑ์ปรับลง

• แนวโน้มกำไร 3Q23 อาจมีลุ้นทรงตัวได้ แม้ปกติ 3Q มักเป็น low season ของธุรกิจ แต่ปีนี้อากาศยังร้อนและบริษัทยังตั้งเป้า Gain market share อีกอย่างน้อย 1% ใน 2H23 กอปรกับต้นทุนโดยรวมยังอ่อนตัวลงต่อ เรายังคาดกำไรปกติปี 2023 ไว้ตามเดิม 2.4 พันลบ. +29% y-y (ไม่รวมปันผล unicharm) 

• แนวรับ 28//27 บาท แนวต้าน 29.50-30//32-33 บาท

 

**บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดดัชนีฯ อิงกับการโหวตนายกฯ รอบ 2 วันนี้ ด้านตัวแปรต่างประเทศดูดีขึ้น ส่วนความกังวล Recession ลดลงตามลำดับ ขณะที่การรายงานผลประกอบการกลุ่มแบงก์ของสหรัฐฯ ออกมาดี สถานการณ์ภาพรวมของตัวแปรต่างประเทศดูดีขึ้น ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (รวมทองคำ) ขยับตัวสูงขึ้น

 

• วันนี้ติดตามศาลรัฐธรรมนูญ จะพิจารณาว่ารับหรือไม่รับวินิจฉัย (9.30 น.) กรณีหุ้น ITV ของคุณพิธา โดยถ้ารับไว้ จะมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ..... สภาฯ  น่าจะต้องพิจารณาว่าคุณพิธา จะถูกเสนอชื่อครั้งที่สองได้หรือไม่  ถ้าไม่ได้ มีความเป็นไปได้ที่จะเสนอคุณเศรษฐาขึ้นเป็นแคนดิเดทนายกฯ แทน ในวันนี้เลย

 

• เงินบาทแข็งค่าขึ้น ล่าสุด 33.9 บาท/ดอลลาร์ สะท้อนการไหลเข้าของ Flow นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยติดต่อกัน 3 วันแล้ว วานนี้(18) Net buy 1.4 พันล้านบาท

 

• การรายงานงบกลุ่มแบงก์ของไทยในช่วงปลายสัปดาห์ คาดว่ากำไรน่าจะดูดี มีผลต่อราคาหุ้น และเป็นตัวช่วยหนุนตลาดหุ้นไทยได้ 

 

• ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ คือ เงินเฟ้อยุโรป และตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือน มิ.ย สหรัฐฯ

 

Strategy

• วันนี้ การโหวตนายกฯ จะมีผลต่อตลาด โอกาสของ “เพื่อไทย” เป็นแกนนำยังมีอยู่(ดีต่อตลาด) ตลาดวันนี้ น่าจะผันผวน โดยเฉพาะเมื่อทราบผลการโหวต เราแนะนำให้ให้รอดูผลก่อนตัดสินใจ

• หุ้นอิงการเมือง ที่จะได้ประโยชน์จากการมีรัฐบาลใหม่ ตัวที่มีความโดดเด่น ในหุ้นกลุ่มทุนขนาดใหญ่ (GULF, CPALL, CPAXT,CRC) และหุ้นอิงการลงทุน (WHA, BEM)

• หุ้นที่คาดได้รับผลบวกจาก Flow ของต่างชาติ BDMS, PTTEP

• พอร์ตหุ้นวันนี้เรานำหุ้น TRUE* ออกจากพอร์ต และนำหุ้น OSP, BDMS เข้ามาในพอร์ต พอร์ตหุ้นประกอบด้วย OSP(10%), BDMS(10%),  WHA(20%), TLI(10%), BH(20%), KBANK(10%), NEX(10%)

 

Strategy Stock Pick

BDMS: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 30.50 บาท) “ผู้ป่วยไทย-ต่างชาติฟื้นหนุนกำไรโต YoY, Flow ทยอยซื้อ”

•คาดกำไร 2Q23 โต +7%YoY, -18%QoQ ที่ 2.84 พัน ลบ. ระดับกำไรโต YoY สะท้อนการฟื้นตัวของผู้ป่วย Non-Covid ทั้งไทยและต่างชาติ ส่วน QoQลดลงตาม Seasonal ซึ่งจะกลับมาเร่งตัวอีกครั้งในช่วง 3Q-4Q23E

•ประเมิน Flow ต่างชาติทยอยซื้อ BDMS ต่อเนื่อง โดยระดับ MTD (อิงข้อมูล ณ วันที่ 17 ก.ค.) มียอดซื้อสะสมต่างชาติในหุ้น BDMS ถึง 2.15 พัน ลบ.

•DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2023E-2024E ที่ 1.32 หมื่น ลบ. และ 1.51 หมื่น ลบ. +5%YoY และ +14%YoY ตามลำดับ

 

Technical : GULF, TEAM

 

**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,525 – 1,530 แนวต้าน 1,540 – 1,545 คาดทรงตัวรอผลโหวตรอบ 2  โดยตลาดคาดหวังเชิงบวกหากเพื่อไทยได้สลับเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาลในการโหวตรอบถัดไป แนะนำทยอยซื้อ BBL,KBANK,SCB,KTB/ HANA*,KCE*,SVI* คาดเฟดใกล้ยุติขึ้นดอกเบี้ย/ PTTEP,TOP,SCC* คาดอุปสงค์ Q3 ฟื้นตัวหากจีนออก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจ

 

AUCT* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 12.80 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 1Q66 ที่ 96 ล้านบาท ทรงตัว QoQ แต่เติบโต +112%YoY มีปัจจัยหนุนจากการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมการประมูลและปริมาณรถที่ปิดประมูลได้ โดยตั้งแต่หมดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ในช่วง COVID-19 ตั้งแต่ช่วงกลางปีก่อน ส่งผลให้มีปริมาณรถยึดในตลาดมากขึ้น ในระยะสั้นอาจเห็นการชะรอตัว QoQ ในช่วง 2Q66 ตามฤดูกาลที่มีวันหยุดเยอะ แต่น่าจะกลับมาขยายตัวดีอีกครั้งใน 2H66 ตามทิศทางแนวโน้มของ NPL ในระบบ โดยบริษัทคาดแนวโน้มตลาดรถยนต์มือ 2 โต +20% จากรถที่จะถูกไฟแนนซ์ยึด สอดคล้องกับข้อมูลของเครดิตบูโรที่ระบุว่าจะมีหนี้เสียจากรถยนต์เพิ่มขึ้นมากจากค่าเฉลี่ยที่ปีละประมาณ 2 แสนคัน ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 66 ที่ 299 ล้านบาท +19%YoY และปี 67 ที่ 322 ล้านบาท +8%YoY 

 

MC* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 15.30 บาท) คาดภาพรวมแนวโน้มการดำเนินงานในช่วง เม.ย.-มิ.ย.66 และ ก.ค.- ก.ย.66นี้(งวดบัญชี 4Q66 และ 1Q67) ยังจะมีแรงหนุนในสินค้าประเภทFashion จากการกลับเข้าสู่ชีวิตปกติ PostCovid-19 และการกลับมาของนักท่องเที่ยว ขณะที่ทาง MC* เองวางงบลงทุนปี67 ที่ 100 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาใหม่ 40 สาขา แบ่งเป็น ร้านค้าปลีกของตนเองในช่องทางห้างฯ10 สาขา และ Mc Outlet 30 สาขา(ณ  31 มี.ค.2566 มี 100 สาขา) วางเป้ารายได้เติบโตราว +10-14% ทั้งจากยอดขายสาขาใหม่ และ SSSG ที่คาดว่าจะเติบโตได้ double digit% ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรสุทธิปี66 และ ปี67 ของ MC* ที่ 658 ลบ.(+36%YoY) และ 732 ลบ.(+11%YoY)  ตามลำดับ

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง